War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2559
ตอนที่ 2,559 : ถังเซี่ยวเซี่ยวทะยานขึ้นไป… ‘ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด!’ ได้ยินข้อความเสียงดังกล่าวของเซี่ยเจี๋ย ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดหดเล็กลงไม่ได้! ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดหมายความว่าอะไร เขาย่อมรู้ดี…! เพราะเดิมทีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่เขาได้มานั้น ก็เป็นยอดสมบัติสสวรรค์ระดับสูงสุดเช่นกัน! เรื่องนี้จิตวิญญาณประจำชั้นแรกของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างผู้เฒ่าหั่วเป็นคนบอกเขาเอง!! อย่างไรก็ตามเพราะมันได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง สุดท้ายก็ไม่อาจใช้พลังสูงสุดของมันได้ และยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดเช่นนี้ แม้จะเป็นในระนาบเทวโลก ก็ถือว่าเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง! เรื่องราวพวกนี้ผู้เฒ่าหั่วเคยเล่าให้เขาฟัง กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังได้ยินผู้เฒ่าหั่วบอกไว้ว่า ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดแบบนี้… ปกติแล้วจะอยู่ในมือของตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น! และยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดก็ล้วนมีจิตวิญญาณสถิตย์ก่อเกิดขึ้นทั้งสิ้น!! สำหรับรายละเอียดของยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเลย เพราะผู้เฒ่าหั่วไม่เคยบอกให้เขาฟัง และเขาเองก็ไม่ได้ถามลงลึกเพราะมันไกลตัวเขาในตอนนั้นเกินไป.. อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่ายอดสมบัติสวรรค์ทั่วๆไปกับยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดนั้น มีอานุภาพต่างกันราวฟ้าดิน! แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขายังไม่ทันได้ขึ้นไประนาบเทวโลกแท้ๆ แต่กลับได้รับยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดมาครองเสียแล้ว! ‘จากข้อความเสียงที่อาสามบอก เพาะกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้สูญเสียจิตวิญญาณกระบี่ไป มันจึงลดระดับจากอุปกรณ์เทพกลายเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด..’ ด้วยความที่ผู้เฒ่าหั่วเคยเล่าเรื่องราวต่างๆให้เขาฟัง ทำให้เขาเองก็ได้รับทราบอยู่แล้วว่ายอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดเป็นอย่างไร ดังนั้นถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจไม่น้อยเมื่อพบว่าของที่เซี่ยเจี๋ยทิ้งไว้ให้เขา คืออุปกรณ์เทพที่ระดับลดลงไปเหลือยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีจนเสียอาการ… ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นคนที่เคยถือครองยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดมาก่อน!! ถึงแม้ยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดที่ว่าจะอยู่ในสภาพเสียหายก็ตามที แต่อย่างไรก็จัดว่าเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดที่ไม่ธรรมดา และจิตวิญญาณประจำเจดีย์ก็ค่อยสอนสั่งเขาดั่งครู ช่วยเหลือเขาดั่งสหาย… ‘แต่…เทียบกับกระบี่เซียนอมตะที่ข้าได้มา กระบี่เล่มนี้นับว่าต่างกันคนละเรื่อง…’ ‘กระทั่ง…มันยังทรงพลังยิ่งกว่ากระบี่นิลสวรรค์ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเล่มนั้นซะอีก!’ ต้วนหลิงเทียนกระชับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ที่มีสภาพไม่ต่างจากกระบี่แก้วในมือด้วยความสนใจ หลังลองตวัดฟันเล็กน้อย เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสามารถอันไม่ธรรมดาของมันทันที กล่าวได้ว่าตอนนี้ต่อให้เป็นคนที่เคยถือครองยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดแบบเขา ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดอาการตื่นเต้นราวเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่อยู่บ้าง! เพราะสุดท้ายแล้ว เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดที่เสียหาย! ทว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเล่มนี้ มันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดที่สมบูรณ์! และหากจะกล่าวกันตรงๆ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน สมควรแข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งหลายด้วยซ้ำ! เพราะหากไม่เสียจิตวิญญาณกระบี่ไปจนพลังอานุภาพถดถอยลงมา อย่างไรก็เคยเป็นถึงอุปกรณ์เทพ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! … ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้วรยุทธ์ทั้งเวทย์พลังใดๆ เพียงตวัดกระบี่ฟันไปมาเท่านั้น หากแต่พลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน แม้จะอาศัยแค่พลังขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเฉยๆ รังสีกระบี่ที่แผ่พุ่งออกมาก็ถึงกับกรีดเฉือนแผ่นฟ้าจนแหวกเปิดเป็นทาง! รอยแยกมิติมืดดำอันน่ากลัวปรากฏให้เห็นดั่งห่าอสรพิษทมิฬ…!! ต้องทราบด้วยว่าโดยปกติแล้วตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะทั่วไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้พลังฉีกเปิดมิติได้ง่ายดายแบบนี้ “กระบี่เล่มนี้ดูแล้วมิธรรมดาเลย…” เมื่อต้วนหลิงเทียนรั้งกระบี่กลับมาคอนถือไว้ ถังเซี่ยวเซี่ยวที่มองจ้องตาเป็นประกายอยู่นานก็กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “มันไม่ธรรมดาจริงๆนั่นล่ะ…” ต้วนหลิงเทียนหลังได้ลองกระบี่วิเศษแล้ว เป็นธรรมดาว่าอารมณ์ดีไม่น้อย จึงกล่าวตอบถังเซี่ยวเซี่ยวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะกระบี่เล่มนี้ของข้า ต่อให้เทียบกับยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดบนระนาบเทวโลกทั้งมวล ก็ถือว่ายังเป็นของชั้นเลิศ…” “แล้วเจ้าว่ามันยังธรรมดาได้หรือ?” กล่าวถึงประโยคท้าย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามถังเซี่ยวเซี่ยวพลางยักคิ้ว อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะถามออกไปสักพัก ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างไร นั่นเพราะนางมัวแต่อึ้งกับวาจาประโยคก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียน ท่ามกลางยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งมวลในระนาบเทวโลก ยังนับว่าเป็นของชั้นเลิศ? ท่ามกลางยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด…ยังเป็นของชั้นเลิศเชียวหรือ?! นางจะอย่างไรก็เป็นศิษย์นิกายถัง และนิกายถังในระนาบเหยียนหวงก็มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างยาวนาน เช่นนั้นนางย่อมรู้เรื่องราวของยอดสมบัติสวรรค์ทั้งระดับของพวกมันคร่าวๆ ในประวัติศาสตร์ของระนาบเหยียนหวงนั้น มียอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดปรากฏขึ้นไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนดำรงอยู่แค่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น ถังเซี่ยวเซี่ยวองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีขุมพลังใดในระนาบเหยียนหวงถือครองยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดเอาไว้… แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมาบอกนางว่า กระบี่แก้ว 3 ฉื่อตรงหน้าที่เขาถืออยู่ กระทั่งในบรรดายอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งมวลในตำนาน ยังนับว่าเป็นของชั้นเลิศ? “เจ้า…เจ้าพูดจริงหรือ!?” หังจากนั้นถังเซี่ยวเซี่ยวค่อยฟื้นสติ และนางก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ข้าจะหลอกเจ้าทำเพื่อ?” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มนั้น เขาอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิดว่าจะเก็บ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่คอนไว้ในมือ ก็คล้ายแปรสภาพเป็นของเหลว ไหลหายเข้าไปในรอยแผลเป็นรูปกระบี่ที่หลังมือในพริบตา… ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน! ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ทันที ว่าตอนนี้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน คล้ายจะผสานหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์… “จริงสิ! ข้าก็เกือบลืมไป…ว่าอย่างไรเสียกระบี่เล่มนี้ก็เป็นผู้อาวุโสเซี่ยเจี๋ยมอบให้เจ้า!” เมื่อสงบสติได้แล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวจึงค่อยนึกถึงที่มากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเล่มนี้ได้ออก ว่านี่คือสิ่งที่เซี่ยเจี๋ย…ตัวตนอันทรงพลังที่อ้างตัวว่ามาจากดินแดนแห่งทวยเทพมอบให้ต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะจากไป… “สำหรับตัวตนอย่างผู้อาวุโสเซี่ยเจี๋ย ที่กระทั่งมือสังหารจากดินแดนแห่งทวยเทพผู้นั้น ที่ร้ายกาจถึงขั้นไม่เห็นจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกอยู่ในสายตายังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง…การที่ท่านจะมอบยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุดให้เจ้าแบบนี้ ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาๆไปเลย…” ถึงแม้ถังเซี่ยวเซี่ยวจะกล่าวออกมาแบบนั้น แต่แววตาของนางยังอดไม่ได้ที่จะฉายชัดถึงความอิจฉา ราวกับอยากได้มีดระดับนั้นสักเล่มเหมือนกัน… แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด! ยังมีใครไม่อยากได้กันล่ะ? “ดินแดนแห่งทวยเทพ…” อย่างไรก็ตามได้ยินคำดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยวต้วนหลิงเทียนก็เหม่อไปทันที เพราะสำหรับเขาแล้วคำไม่กี่คำอย่าง ดินแดนแห่งทวยเทพนั้นเป็นดั่งหนามตำใจยากจะถอน… “ข้าขอโทษ…” เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเหม่อไปทั้งสีหน้ามืดมนลงในชั่วพริบตา ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลาไหนเลยจะไม่ทราบได้ ว่าต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงเรื่องราวร้ายขึ้นมาเพราะวาจาของนาง…ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวคำขอโทษออกไปด้วยน้ำเสียงสลด ต้วนหลิงเทียนเคยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังแล้ว เช่นนั้นนางจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าต้วนหลิงเทียนทุกข์ทรมานใจเพียงใด เรียกว่าเรื่องราวดังเก่าเป็นดั่งแผลลึกในใจก็ว่าได้… แต่นางกลับเอ่ยถึงดินแดนแห่งทวยเทพออกมาอย่างไม่ทันคิด ถ้อยคำดังกล่าวไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้แขวะแผลเก่าของต้วนหลิงเทียนเข้าอย่างจัง “ไม่เป็นไร…” ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันฟื้นคืนสติ สีหน้าซึมเซาหม่นหมองค่อยๆกลับมาเป็นปกติ หน้าส่ายไปมาเบาๆ ค่อยกล่าวว่า “เรื่องบางเรื่องต่อให้ไม่มีใครพูดย้ำเตือน ข้าก็ยังอดคิดถึงไม่ได้อยู่ดี…หากข้าโทษเจ้า ยังต่างอะไรจากอุดหูขโมยกระดิ่งเล่า?” ถึงแม้ตอนนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนจะรวนเรไปไม่น้อย อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่คิดถือโทษถังเซี่ยวเซี่ยวแม้แต่นิดเดียว เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือปัญหาของเขา “เจ้าอย่าคิดมากนักเลย…แถมข้าเชื่อนะ! ว่าหากเจ้าตั้งใจริงๆด้วยมีเวลาตั้ง 1,000 ปี เจ้าต้องแข็งแกร่งมากพอจะเป็นที่ยอมรับของพ่อตาได้แน่ สุดท้ายเจ้ากับภรรยาก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง!” ถังเซี่ยวเซี่ยวยิ้มกล่าวออกมาอย่างจริงใจ “ขอบคุณเจ้า” ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ “เอ๊ะ?” และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ร่างถังเซี่ยวเซี่ยวที่ถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วเหินบินไล่ตามป้ายหยกที่ยังคงมุ่งหน้าลงใต้อยู่ก็ชะงักไปทันที ราวกับนางพบเห็นบางอย่าง หน้างามยังเปลี่ยนสีไป! “มีอะไรหรือ?” ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าถังเซี่ยวเซี่ยวขมวดคิ้วกล่าวถามออกมา “เอ่อ…ข้า…ข้าเกรงว่าต้องออกจากระนาบโลกียะก่อนเจ้าแล้วล่ะ” ถังเซี่ยวเซี่ยวคลี่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวตอบ ได้ยินคำตอบของถังเซี่ยวเซี่ยวต้วนหลิงเทียนก็โค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่สองตาจะทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ด้วยตระหนักได้ว่าที่นางกล่าวหมายความว่าอะไร “พลังเซียนอมตะที่จะฉุดดึงเจ้าขึ้นสวรรค์…กำลังจะมาแล้วเหรอ?” “อื๊อ…ข้ารู้สึกได้ชัดเจนเลย!” ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้าตอบคำด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าข้าบรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะยังไม่ทันถึง 10 ปี แต่พลังเซียนอมตะที่จะฉุดดึงข้าขึ้นสวรรค์กลับมาแล้ว…แบบนี้เกรงว่าข้าต้องไปก่อนแล้วล่ะ…” “นี่มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง ทำไมเจ้าทำหน้าราวกับถูกทรมานนักเล่า?” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียนแม้ข้าไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่พวกเราถึงจะได้พบกันอีกครั้ง…แต่ข้าจะไม่มีวันลืมแน่ ว่าชีวิตนี้ของข้าเป็นของเจ้า!” ถังเซี่ยวเซี่ยวมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง “ทีหลังขอเจ้าอย่าได้พูดแบบนี้อีก…” อย่างไรก็ตามได้ยินคำดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไม่ยอมรับออกมาทันที “ชีวิตเจ้าย่อมเป็นของเจ้า ไม่ใช่ของข้า…เรื่องที่ข้าช่วยสังหารเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ให้เจ้า ข้าก็แค่ช่วยเหลือสหายของข้าเท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย…” “ข้าต้วนหลิงเทียนช่วยสหายด้วยใจ ไม่เคยต้องการอะไรตอบแทน…เช่นนั้นเจ้าไม่นับว่าเป็นหนี้อะไรข้าทั้งสิ้น” ขณะที่กล่าววาจาประโยคนี้ออกมาสีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนก็จริงจังไม่น้อย ซู่มมม!! ในขณะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกำลังเผยอปากคล้ายจะกล่าวคำอะไรบางอย่าง อยู่ๆก็บังเกิดเสียงกู่ร้องดังขึ้นมาจากฟ้าเบื้องบน ราวกับมีบางสิ่งกำลังทะยานข้ามผ่านชั้นฟ้าลงมาสู่แดนดิน! “นี่มัน…พลังเซียนอมตะฉุดดึงขึ้นสวรรค์งั้นรึ?” แทบจะพร้อมกันกับที่เกิดเสียงดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้รางๆ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ราวกับไร้ผู้ต้านขุมหนึ่งกำลังสาดส่องจากฟ้าลงมายังร่างถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยความเร็วชวนตื่นตระหนก! มันทำลายพลังไร้สภาพที่หอบหิ้วร่างถังเซี่ยวเซี่ยวของเขาจนสลายหายไปในชั่วพริบตาอย่างไร้ต้านทาน!! ซัววว!! วินาทีต่อมา ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนเบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างวาบขึ้น… จากนั้นเขาก็เห็นว่า ร่างทั้งร่างของถังเซี่ยวเซี่ยวถูกลำแสงสายหนึ่งที่สาดส่องลงมาจากฟ้าปกคลุม ก่อนที่แสงดังกล่าวจะดับหายไปในพริบตา และร่างถังเซี่ยวเซี่ยวเองก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่าเช่นกัน! “ไปแล้วหรือ?” ตั้งแต่วินาทีแรกที่พลังเซียนอมตะฉุดดึงขึ้นสวรรค์ปรากฏขึ้น จนทุกสิ่งทุกอย่างจบลง เรียกว่ามันเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้เลย เพราะมันปุบปับเกินไป! ไม่ใช่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเฉื่อยชาอะไร แต่พลังเซียนอมตะฉุดดึงขึ้นสวรรค์นั้นมันรวดเร็วเกินไป!! “ข้าหวังว่าเจ้าจะสบายดีบนระนาบเทวโลก…” ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำเบาๆ ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเห็นถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นเพื่อนธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ได้เดินทางด้วยกันสักพัก พอถังเซี่ยวเซี่ยวมาจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายอยู่บ้าง… “โลกนี้ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา…หวังว่าวันหน้าพวกเราจะได้เจอกันใหม่บนระนาบเทวโลก” คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาจากอาการใจหาย และยังคงเหินร่างไล่ตามป้ายหยกที่เซี่ยเจี๋ยทิ้งไว้ให้ต่อไป… “หืม? อาณาจักรพนาคราม?” หลังจากเหินบินตามป้ายหยกต่อไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ป้ายหยกดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะพาเขาลงใต้จนมาถึงอาณาจักรพนาครามที่มีนิกายกระบี่ 7 ดาวที่เขาเคยเข้าร่วมตั้งอยู่ มันยังเหินบินพาเขามุ่งลงใต้ไปต่อ ราวกับจะเดินทางไปยังอาณาจักรบ้านเกิดของเขาอย่างอาณาจักรนภาล่องอีกด้วย!
คอมเม้นต์