War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2515
ตอนที่ 2,515 : ดาวแซทเทิล ดาราจักรคอสเตอร์! ไม่ใช่แค่ถังจงยี่คนเดียวเท่านั้นที่ผิดหวัง กระทั่งถังชงที่เป็นประมุขนิกายถังก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน เมื่อพวกมันเห็นว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนถึงกับเทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ และนึกได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นชายคนรักที่ถังเซี่ยวเซี่ยวพามาเปิดตัว ในใจลึกๆของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดี… เพราะนั่นหมายความว่านิกายถังของพวกมัน ก็มีสัมพันธ์กับตัวตนที่ทรงพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แล้ว! ในสายตาของพวกมัน ด้วยมีบุรุษที่เข้มแข็งเช่นนี้ทั้งคน ยังต้องห่วงเรื่องฉีกหน้าวังคลื่นสวรรค์อีกหรือ? ตอนนี้พอมารู้ว่าต้วนหลิงเทียน ที่แท้ไม่ได้เป็นอะไรกับถังเซี่ยวเซี่ยว จะไม่ให้พวกมันผิดหวังทั้งเสียดายได้อย่างไร… “ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษท่านพูดอันใดกัน!” ได้ยินเสียงถอนหายใจทั้งวาจาเผยความผิดหวัง แก้มขาวเนียนของถังเซี่ยวเซี่ยวอดไม่ได้ที่จะขึ้นสีระเรื่อ ทำราวยาโถวน้อยไม่เดียงสากำลังเขินอายตอนถูกเจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้า “ยาโถวน้อย ในเมื่ออาวุโสถังหงตายไปแบบนี้ เจ้าก็ไม่ต้องหนีไปที่ใดแล้วล่ะ…” ถังจงยี่กล่าว ไม่มีถังหงทั้งคน ด้วยฐานะถังจงยี่ในนิกายตอนนี้ ย่อมยืนกรานสนับสนุนถังเซี่ยวเซี่ยวให้ไม่ต้องแต่งกับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์ได้แน่นอน นอกจากนี้มันยังเชื่ออีกว่า หลังจากการเข่นฆ่าสังหารเมื่อครู่ ไม่ว่าจะเป็นกากรตายของถังหงก็ดี หรือได้เห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสหายของถังเซี่ยวเซี่ยวก็ดี ประมุขนิกายถังอย่างถังชง ย่อมไม่มีทางคิดเหมือนเดิมอีกต่อไป และไม่กล้าบีบคั้นให้ถังเซี่ยวเซี่ยวแต่งกับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อีกแน่นอน! “ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษ แต่ข้ายังอยากไปเที่ยวอยู่ดี…” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวอ้าง “ก่อนที่ข้าจะต้องขึ้นไปในระนาบเทวโลก ข้าเองก็อยากไปท่องเที่ยวให้ทั่วระนาบเหยียนหวงของเราก่อน” “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ” ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยว ถังจงยี่ย่อมไม่คิดปฏิเสธ “เพียงแต่ว่าก่อนที่เจ้าจะต้องขึ้นไปยังระนาบเทวโลก ก็พยายามกลับมาเจอหน้าผู้ชราอย่างข้าสักครั้งเถอะ…” “ข้าต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ!” ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้า “งั้นพวกเราไปกันเถอะ” ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันเรียกทักถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยรอยยิ้ม และเตรียมตัวออกเดินทาง เดิมทีเขาคิดว่าหลังฆ่าถังหงไปแล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ไม่จำเป็นต้องไปกับเขาอีก แต่ไม่คิดเลยว่าถังเซี่ยวเซี่ยวยังอยากจะไปด้วย “อื๊อ ไปกัน!” ถังเซี่ยวเซี่ยวหันไปตอบคำต้วนหลิงเทียนทันที และเหินร่างจากไปพร้อมต้วนหลิงเทียน… “แผนที่ดวงดาวที่เซี่ยวเซี่ยวขอข้า…สมควรเป็นของที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ” มองไปยังแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวที่ค่อยๆหายลับไปจากสายตา ถังจงยี่ก็พอจะคาดเดาเรื่องนี้ได้รางๆ “เซี่ยวเซี่ยวสมควรทำข้อตกลงกับต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ว่าหากหยิบยืมแผนที่ดวงดาวจากข้าได้ จักให้ต้วนหลิงเทียนนั่นพาหนีไปจากนิกายถังเป็นแน่…” เหตุผลที่ทำไมถังจงยี่ถึงคาดเดาเรื่องราวได้ถูกเผง เพราะมันเห็นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนแล้วนั่นเอง “อาวุโสยี่…” ตอนนี้เองถังชงประมุขนิกายถังที่ได้เก็บมีดบิน 7 ชุ่นของถังหงที่ถังเซี่ยวเซี่ยวมอบให้ไปแล้ว ก็หันมามองกล่าวกับถังจงยี่ด้วยรอยยิ้มขื่นขม “พวกเรามาหารือเรื่องบอกปัดวังคลื่นสวรรค์ก่อนเถอะ…” “ถึงแม้ข้าไม่คิดว่าวังคลื่นสวรรค์จะถึงขั้นตัดขาดกับนิกายถังของเราอย่างสมบูรณ์…แต่เมื่อพวกเราปฏิเสธงานแต่งของพวกมันแบบนี้ ย่อมไม่ต่างอะไรกับหักหน้าของพวกมัน ถึงพวกมันอาจจะไม่ลงมือทำสงครามกับพวกเราเพราะเรื่องแค่นี้ก็ตามที แต่พวกมันก็ไม่มีทางเลิกราง่ายๆแน่…” กล่าวถึงท้ายประโยครอยยิ้มขื่นขมบนใบหน้าถังชงยิ่งมายิ่งแทบจะเหมือนการร่ำไห้แล้ว ได้ยินคำถังชง ถังจงยี่ก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ปัจจุบันทันที สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึม ส่วนอีกด้าน “ก่อนอื่นเลยพวกเราไปดาราจักรที่อยู่ใกล้ๆ กับดาราจักรที่มีดาวเหยียนหวงอยู่กันก่อน”(ดาราจักรแทนคำว่ากลุ่มดาวจากตอนก่อนๆครับ มันก็คือกาแล็คซี่นั่นล่ะ… ส่วนกลุ่มดาวนั้นจะเป็นพวกกลุ่มดาวแมป่อง คนคู่อะไรพวกนั้น ผมใช้ผิดเอง) เหนือน่านฟ้าไม่ห่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว ถังเซี่ยวเซี่ยวได้คลี่กางแผนที่ดวงดาวที่ได้รับมาจากถังจงยี่ดูอย่างละเอียด นิ้วเรียวเล็กชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผ่นที่ให้ต้วนหลิงเทียนเห็น “พวกเราต้องไปที่ดาราจักรนี่…ถึงจะค่อนข้างไกล แต่มันก็เป็นดาราจักรที่ใกล้กับดาราจักรทางช้างเผือกของเจ้าและมีค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวมากที่สุดแล้ว… เจ้าอาจจะเห็นว่ามันยังอยู่ไกล แต่เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะดาราจักรที่อยู่ใกล้ดาราจักรที่มีดาวเหยียนหวงอยู่ค่อนข้างล้าหลังนัก ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวอยู่เลย” “พอไปถึงที่นั่นพวกเราก็ได้แต่เหินบินไปดาราจักรที่มีดาวเหยียนหวงอยู่ และไปยังดาวเหยียนหวงด้วยตัวเอง” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวอธิบายจนจบ “เอาล่ะ” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เอาอย่างที่เจ้าว่านั่นล่ะ…เอาที่สะดวกเลย” หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ติดตามถังเซี่ยวเซี่ยวใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวเคลื่อนที่ไปอีกหลายสิบครั้ง จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางของการเดินทางด้วยค่ายกล ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวแห่งนี้ อยู่ในดาราจักรที่ใกล้กับดาราจักรทางช้างเผือกมากที่สุดแล้ว และค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ในดาวแซทเทิล ที่อยู่ในดาราจักรคอสเตอร์ “ดาราจักรคอสเตอร์นับเป็นดาราจักรที่ถูกปกครองด้วยเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์…ดาวเคราะห์ที่พวกเรากำลังอยู่ตอนนี้ก็คือดาวแม่ของดาราจักรคอสเตอร์ก็ว่าได้ เรียกว่าดาวแซทเทิล” ถังเซี่ยวเซี่ยวได้กล่าวแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักกับดาราจักรแซทเทิล อันเป็นดาวเคราะห์หลักของดาราจักรคอสเตอร์ฟัง ก่อนที่จะเริ่มเดินทางออกจากค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว “แน่นอนว่าข้าเองก็รู้จักชื่อมันเพราะแผนที่ดวงดาวแผ่นนี้เหมือนกัน…แต่ก่อนข้าไม่เคยได้ยินเรื่องดาราจักรคอสเตอร์อะไรนี่ด้วยซ้ำ เพราะมันอยู่ไกลดาราจักรเชียนจีที่นิกายถังข้าตังอยู่มากเกินไป” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว “ระนาบเหยียนหวงแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน…ไม่ใช่อะไรที่ระนาบเซียนของข้าจะเทียบได้เลย” ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “นั่นมันเป็นเรื่องธรรมชาติ!” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว “ระนาบเซียนของเจ้าเป็นแค่ระนาบโลกียะขนาดเล็กเท่านั้น…แต่ระนาบเหยียนหวงของพวกเราเป็นมหาระนาบโลกียะ” “แต่ต่อไปหลังได้ขึ้นสู่ระนาบเทโลกแล้ว เจ้าจะได้รู้ว่าความหมายของคำว่า ‘กว้างใหญ่’ ที่แท้จริงคืออะไร” “ระนาบเทวโลกมีทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ และแต่ละระราบนั้นเป็นอะไรที่กว้างใหญ่สุดที่ระนาบเหยียนหวงแห่งนี้จะเทียบได้!” “จริงอยู่ที่ระนาบเหยียนหวงของข้าถือว่าเป็นมหาระนาบโลกียะที่มีขนาดใหญ่โตใกล้เคียงกับระนาบเทวโลกมากที่สุด…แต่อย่างไรเสียระนาบเทวโลกที่เล็กที่สุดก็ยังถือวว่าใหญ่กว่าระนาบเหยียนหวงหลายส่วน และระนาบเทวโลกก็เป็นเช่นนี้ มีท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาว มีดาราจักรมากมายนับไม่ถ้วน…” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวสืบต่อ “ระนาบเทวโลก…” ได้ยินคำอธิบายของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหวั่นๆกับระนาบเทวโลกนัก การออกจากระนาบเซียนมายังระนาบเหยียนหวงก็ทำให้เขารู้สึกเสมือนบ้านนอกเข้าเมืองแล้ว… แต่ตอนนี้พอมาได้ยินว่าระนาบเทวโลกยังใหญ่โตมโหราฬเหนือกว่ามหาระนาบโลกียะอย่างระนาบเหยียนหวงนี่อีก เขาก็รู้สึกว่ามันช่างกว้างใหญ่ปานจะไร้ขอบเขตนัก! “ไปกันเถอะ…ก่อนอื่นเลยพวกเราต้องออกจากดาวแซทเทิลนี่ก่อน แล้วมุ่งหน้าออกจากดาราจักรคอสเตอร์ทิศทางนี้ สุดท้ายก็จะไปถึงดาราจักรที่มีดาวเหยียนหวงอยู่!” หลังเหินออกจากค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวแล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็เริ่มชี้มือชี้ไม้บอกทางต้วนหลิงเทียน “แต่อย่างไรเสียจากแผนที่ดวงดาว…หลังพวกเราออกจากดาราจักรคอสเตอร์ พวกเรายังต้องผ่านอีก 3 ดาราจักร กว่าจะไปถึงดาราจักรที่มีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่” “ด้วยความเร็วสูงสุดของเจ้าถ้าหอบหิ้วข้าเดินทาง…อืม 3 เดือนก็น่าจะถึงแหล่ะ แต่เจ้าต้องใช้ความเร็วเต็มที่นะ” ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียน “เรื่องนี้ข้านับจากความเร็วของเจ้าหลังใช้ค่ายกลกระบี่นั่นแล้ว กล่าวไปก็เป็นความเร็วที่เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์นั่นล่ะ หากไม่ใช่ความเร็วระดับนั้นเกรงว่าคงใช้เวลาเกิน 3 เดือนกว่าจะถึง…” “นานขนาดนั้นเชียว?” ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยวต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยความเร็วของขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่กว่าจะข้ามผ่าน 3 ดาราจักรไปถึงดาราจักรทางช้างเผือกยังต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนเชียวหรือ? ต้องทราบด้วยว่าความเร็วของเขาตอนนี้หากเป็นที่ระนาบเซียนล่ะก็… เพียงแค่ไม่กี่วันเขาก็ท่องไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนและภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว! “มหาระนาบโลกียะ มันกว้างใหญ่กว่าระนาบโลกียะขนาดย่อมเท่าไรกัน…” จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเบาๆ “เฮ่ยพวกดูนั่นเดะ…อย่างสวยเลยว่ะ!” และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะหอบหิ้วถังเซี่ยวเซี่ยวเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดไปตามทางที่ถังเซี่ยวเซี่ยวบอกนั้นเอง เขาพลันได้ยินวาจาด้วยสำเนียงคุ้นหูดังขึ้นจากที่ไกลๆ และเมื่อต้วนหลิงเทียนมองไปตามต้นเสียงก็พบว่า… ปรากฏร่างชายหนุ่ม 3 คนที่แต่งกายด้วยชุดทันสมัยคล้ายๆชุดในโลกเก่าของเขาเมื่อชีวิตที่แล้ว กำลังมองจ้องมายังถังเซี่ยวเซี่ยวอย่างไม่วางตา และทั้งหมดกำลังเหินบินด้วยบางสิ่งที่คล้ายๆกับสเก็ตบอร์ดที่ใช้เท้าเล่นที่เขาเคยรู้จัก… แต่เห็นได้ชัดว่าสเก็ตบอร์ดที่ชายหนุ่มทั้ง 3 ใช้ไม่ใช่สเก็ตบอร์ดธรรมดาๆที่เขาเคยรู้จักแน่นอน! สำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนแผ่ออกไปตรวจสอบสเก็ตบอร์ดใต้เท้าชายหนุ่มทั้ง 3 ทันที และทันใดนั้นเขาก็พบโครงสร้างภายในของสเก็ตบอร์ดที่ว่า พอได้เห็นว่ามีตัวเก็บประจุทั้งวงจรและอุปกรณ์ไฟฟ้าแปลกตามากมายที่เขาเองก็ไม่รู้จักอัดแน่นกันยั้วเยี้ย เผยให้เห็นถึงเทคโนโลยีอันซับซ้อนเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงลานอยู่บ้าง! เพราะต้วนหลิงเทียนเองก็ยังจดจำได้ชัดเจน… ว่าต่อให้เป็นวงจรที่ซับซ้อนที่สุดในชีวิตที่แล้วบนโลกที่ตัวเขาเคยเห็นมา โครงสร้างภายในและวงจรอะไรนั่นยังแลดูวุ่นวายซับซ้อนไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของสเก็ตบอร์ดใต้เท้าชายหนุ่มทั้ง 3 นี่เลย!! วี้! วี้! วี้! … ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตกตะลึงกับโครงสร้างและวงจรอันซับซ้อนของสเก็ตบอร์ดใต้เท้าชายหนุ่มทั้ง 3 อยู่นั้น เกส็ตบอร์ดที่ว่าก็ส่งเสียงร้องออกมา ฟังแล้วไม่ต่างอะไรจากเสียงไซเรนแม้แต่น้อย “เจ้าเห็นแผ่นกระดานใต้เท้าของพวกมันหรือไม่ สิ่งนี้เรียกว่าสเก็ตบอร์ดเหิน นับเป็นอุปกรณ์ของใช้ธรรมดาๆในดาราจักรที่ถูกปกครองด้วยเทคโนโลยี…มนุษย์ในดาราจักรที่ปกครองด้วยเทคโนโลยีหากจะเหินบินบนฟ้าอย่างพวกเรา จำต้องพึ่งของพวกนี้…” ถังเซี่ยวเซี่ยวคล้ายจะสังเกตเห็นทีท่าและอาการตกใจของต้วนหลิงเทียน จึงรีบกล่าวอธิบายออกมาให้ต้วนหลิงเทียนฟังจนหายสงสัย “เมื่อครู่เจ้าสมควรใช้สำนึกเทวะสำรวจดูสเก็ตบอร์ดเหินใต้เท้าของพวกมันใช่หรือไม่? หาไม่แล้วมันคงไม่ร้องเตือนดังร่าแบบนี้” “ใช่” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรียกว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้เขาจะรู้มานานแล้วว่าในมหาระนาบโลกียะนั้น มีทั้งเทคโนโลยีและการบ่มเพาะ แต่พอได้มาเจอเทคโนโลยีระดับสูงในมหาระนาบโลกียะเข้าจริงๆเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ต้องทราบด้วยว่าแม้เทคโนโลยีของโลกเมื่อชีวิตที่แล้วของเขาจะพัฒนาไปไกลถึงระดับหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า เขาบอกได้เลยว่าอารยะธรรมของโลกจัดว่าล้าหลังกว่ามาก! ‘ให้ตายเถอะ หากข้าประมาณไม่ผิด ด้วยระดับการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่โลกเก่า เกรงว่าต้องใช้เวลานับพันนับหมื่นปีกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้!’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ “เฮ่ย ไอ่หนูหน้าขาว! เป็นแค่ผู้ฝึกตนกระจอกๆ แต่กล้ามาเบ่งไม่ดูรุ่นในดาราจักรคอสเตอร์ของพวกเรางั้นเหรอ! เบื่อชีวิตแล้วรึไงหา?!” ชายหนุ่มบนสเก็ตบอร์ดคนหนึ่งที่รู้ได้ทันทีว่าถูกอีกฝ่ายตรวจสอบ ก็ถลึงตามองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง ตะโกนกล่าวออกมาเสียงหนัก “จะเสียเวลาพล่ามกับผู้ฝึกตนบ้านนอกให้เปลืองน้ำลายทำอะไรเล่า รีบจัดการไอ้เด็กเวรนั่นเถอะ จะได้จับสาวน้อยนั่นมาบันเทิงกัน…จะว่าไปพวกเราก็ไม่ได้แอ้มผู้ฝึกตนสาวมานานแล้วเนี่ย!” ชายหนุ่มอีกคนมองถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม แววตาฉายความหื่นให้เห็นชัด
คอมเม้นต์