War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2502
ตอนที่ 2,502 : ออกจากระนาบเซียน ต้วนหลิงเทียนได้ครุ่นคิดไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ทั้งสิ้น 3 วันเต็ม… การที่เค่อเอ๋อและครอบครัวรวมถึงคนใกล้ชิดทั้งหมดถูกอวิ๋นชิงเหยียนกักขังและพาตัวไปแบบนี้ สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วย่อมเป็นเรื่องราวอันใหญ่หลวงแน่นอน! อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาก็รู้ดีแก่ใจ ว่ามัวมานอนเศร้าซึมหมดอาลัยไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร สิ่งที่ทำได้ก็คือการดึงสติและพยายามขวนขวายหาทางแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด! ค่อยพยายามหาทางไปยัง ‘ดินแดนแห่งทวยเทพ’ ที่เค่อเอ๋อกล่าวบอก เพื่อช่วยนางและครอบครัวให้พ้นจากเงื้อมมืออวิ๋นชิงเหยียน!! “เค่อเอ๋อ… ข้าไม่ให้เจ้าต้องรอนานแน่!” ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางกล่าวรำพันเสียงหนัก ครู่ต่อมาสติต้วนหลิงเทียนก็กลับมาแจ่มใส เขาก้าวขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะมุ่งหน้าออกจากภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อกลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนทันที ตอนนี้แลดูต้วนหลิงเทียนเสมือนคนไม่เป็นอะไร หากแต่ในใจยังคงคับข้องนัก! “จางยี่!” จางยี่ไม่ได้ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับขังและพาตัวไป เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะในบรรดาคนที่อวิ๋นชิงเหยียนจับขัง ก็ไม่มีคนอื่นๆของตำหนักเมฆาครามเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นชิงเหยียนมันเลือกจับไปก็แต่คนใกล้ชิดของเขา! อย่างไรก็ตามจางยี่นั้นได้ติดตามเขามายังระนาบเซียนจากแดนลับต่างสวรรค์ อีกฝ่ายไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ในระนาบเซียนเลย ก็ไม่น่าแปลกที่อวิ๋นชิงเหยียนจะไม่จับตัวมันไป ณ ขุนเขาไร้นาม ทางภาคเหนือ… ฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ “จางยี่…” เมื่อต้วนหลิงเทียนพึ่งกลับมาถึง เขาก็แลเห็นร่างหนึ่งยืนเหม่ออยู่ลำพังบนยอดเขา จึงไม่รอช้าพุ่งไปหยุดยืนข้างๆอีกฝ่ายพลางกล่าวทักออกไปทันที “น้องหลิงเทียน?!” เมื่อได้ยินเสียงทั้งได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง จางยี่ก็คืนสติจากอาการเหม่อลอย หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างรีบร้อนเป็นกังวลว่า “น้องหลิงเทียน…ทุกคน…ทุกคน…ถูกชายผู้หนึ่งบุกมาจับตัวไปหมดแล้ว!” “เจ้านั่นยังร้ายกาจนัก! ข้ารู้สึกว่า…มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เลย!” พอนึกถึงชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามเมื่อไม่กี่วันก่อน ใบหน้าจางยี่ก็อดเผยถึงความตื่นตระหนักทั้งเสียขวัญออกมาไม่ได้ ตอนนั้นมันได้แลเห็นฉากเรื่องราวชัดถนัดตา ต่อหน้าชายหนุ่มชุดครามนั่น ตัวมันเสมือนมดตัวกระจ้อย! อีกฝ่ายไม่ได้เพ่งเล็งมันด้วยซ้ำ ทว่ากับอีแค่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็ทำให้ร่างมันสะท้านสั่นไหวดั่งหินร่วงลงบ่อน้ำนิ่ง ไม่อาจไม่บังเกิดคลื่นกระเพื่อม “อืม ข้ารู้” เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะรู้ดีว่า ‘ชายคนหนึ่ง’ ที่จางยี่กล่าวถึงเป็นใคร ลูกตาเขาหดเล็กลงเล็กน้อยค่อยพยักหน้าตอบคำเสียงเรียบ หลังจากนั้นก็ไม่รอให้จางยี่ทันได้ตั้งตัว ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวสืบต่อออกมาว่า “ตอนนี้พวกเรากลับเข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์กันเถอะ…จากนั้นพวกเราจะไประนาบเหยียนหวงของเจ้าทันที” “ละ…แล้วทุกคนเล่า?” ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน จางยี่ก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปด้วยสับสน ได้แต่กล่าถามออกมาด้วยความงุนงง ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งลูกสาวของต้วนหลิงเทียนก็ถูกผู้ใดก็ไม่รู้จับตัวไป! แต่พอมองทีท่าอาการของต้วนหลิงเทียน ไฉนดูเหมือนไม่ได้แยแสหรือสนใจเรื่องราวนี้เลย… อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเองเมื่อครู่ว่า ‘รู้แล้ว’ “น้องหลิงเทียน แต่ลูกสาวเจ้า…กระทั่งแม่นางเทียนหวู่ ก็ถูกเจ้านั่นมันจับตัวไปแล้วนะ!” สุดท้ายจางยี่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามซ้ำ “ข้ารู้” ต้วนหลิงเทียนยพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวออกมาต่อว่า “ไปกันเถอะ…กลับไปแดนลับต่างสวรรค์กัน” กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้จางยี่ตอบสนองอันใด เขาหอบหิ้วร่างจางยี่ไปด้วยพลังไร้สภาพอ่อนโยนขุมหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังหุบเขาน้ำแข็งในส่วนลึกทางตอนเหนือทันที คนคล้ายกลับกลายเป็นสายลมกรรโชกก็ไม่ปาน! “น้องหลิงเทียน … ” ระหว่างทางจางยี่ย่อมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ตอนแรกมันยังคิดจะกล่าวถามอะไรเพิ่มเติม แต่พอได้เห็นสายตาที่มองจ้องไปเบื้องหน้าอย่างเยียบเย็นไร้อารมณ์ใดๆของต้วนหลิงเทียน มันก็ได้แต่ปิดปากไว้ไม่พูดจา นั่นเพราะสายตาเย็นชาไร้อารมณ์นั่น มันช่างน่ากลัวสิ้นดี! ต้วนหลิงเทียนคล้ายคนไร้วิญญาณก็ไม่ปาน! ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่พูดอะไร แต่มันตระหนักได้ว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นเป็นแน่! ทว่าพอเห็นต้วนหลิงเทียนไม่อยากกล่าวถึง มันก็ไม่คิดกล่าวถามเซ้าซี้จี้ใจอะไรอีก “ถึงแล้ว” ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็หอบหิ้วนำพาจางยี่มาถึงหุบเขาน้ำแข็ง อันเป็นสถานที่ตั้งของ ‘ประตูมิติ’ หนทางเข้าออกสู่แดนลับต่างสวรรค์ ภายในหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ ยังปรากฏบ้านไม้หลายหลังปลูกสร้างตั้งอยู่อย่างเงียบงันเหมือนเคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่ต้วนหลิงเทียนและทุกจากไปเลย เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่วันนั้นสมควรไร้ผู้ใดมาที่นี่อีก “เข้าไปกันเถอะ!” เมื่อเห็นหลุมดำที่ลอยล่องค้างกลางหาว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง พริบตาเขาก็ปล่อยร่างจางยี่และเตรียมจะเหินเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ทันที “ช้าก่อนน้องหลิงเทียน!” ทว่าตอนนี้เองจางยี่พลันกล่าวรั้งต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างกะทันหัน “หือ?” ได้ยินเสียงร้องทักของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนชะงักร่างค้างกลางหาวค่อยหันมามองถามจางยี่ด้วยความสงสัยทันที “มีอะไรหรือ?” ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าจางยี่เรียกเขาไว้ทำไม “หลังจากเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์แล้ว ปกติพวกเราจะไม่ถูกส่งไปปรากฏตัวในที่เดียวกัน” จางยี่กล่าว “เช่นนั้นมิใช่พวกเราต้องนัดแนะกันก่อนหรือ?” สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะหาทางไปยังระนาบเหยียนหวงได้หรือไม่ จางยี่ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลย เพราะด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน การจะหาคนของระนาบเหยียนหวง และให้อีกฝ่ายบอกทางหรือกระทั่งนำไปยังทางเข้าออกระนาเหยียนหวงก็คงง่ายดายไม่มีปัญหา “จริงสิ ข้ากลับลืมไปเสียได้…” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างพยายามไปยังทางเข้าออกระนาบเหยียนหวงแล้วกัน…ไม่ว่าใครไปถึงก่อนก็ให้รออยู่ตรงนั้นดีหรือไม่?” “ไม่มีปัญหา” จางยี่พยักหน้า ฟุ่บ! และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันนกับที่จางยี่กล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายเข้าไปในหลุมดำทันที เป็นธรรมดาว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนหายไป จางยี่ก็บอกได้ทันทีว่าเขาหายไปไหน เพราะหลุมดำที่ลอยค้างกลางหาวอันเป็นทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ของระนาบเซียนนั่น ได้บังเกิดความผันผวนขึ้นครู่หนึ่งค่อยบังเกิดคลื่นกระเพื่อมออกมาเป็นวง ประหนึ่งโยนหินลงทะเลสาบ ก่อเกิดวงคลื่น จางยี่รู้ดีว่านั่นหมายถึงต้วนหลิงเทียนได้เข้าไปแล้ว “ไฉนถึงได้แลดูรีบร้อนนักนะ…?” ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้รีบร้อนนัก แต่จางยี่ก็เร่งพุ่งร่างเข้าสู่หลุมดำกลางหาว เข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ตามต้วนหลิงเทียนไปติดๆ อันที่จริงที่ต้วนหลิงเทียนแลดูรีบร้อนนั่นเป็นเพราะ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องขึ้นสู่ระนาบเทวโลกเมื่อไหร่ ถึงแม้ตอนนี้เขาเองก็อยากกรีบขึ้นไปยังระนาบเทวโลกมาก เพราะในระนาบเซียนเขาไม่อาจหาหนทางเพิ่มพูนพลังฝีมือให้สูงขึ้นได้อีกต่อไป… ทว่าเรื่องการขึ้นสู่สวรรค์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเขา เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ารอพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์เท่านั้น เพราะมีแค่พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ปรากฏขึ้นเขาถึงจะถูกดึงตัวขึ้นไปในระนาบเทวโลกและกลายเป็นเซียนอมตะ! อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ เพราะสิ่งที่อวิ๋นชิงเหยียนกระทำกับเขาไว้ มันได้สร้างแรงกดดันอันใหญ่หลวงต่อเขานัก ทำให้เขารีบร้อนอยากเพิ่มพูนพลังฝีมือขึ้นโดยไม่อยากล่าช้าแม้แต่วินาทีเดียว… ‘ในระนาบเซียนข้าแทบไม่เห็นทางใดที่จะสามารถเพิ่มพูนพลังฝีมือของข้าได้อีกแล้ว…อย่างไรก็ตามในมหาระนาบโลกียะอย่างระนาบเหยียนหวง ไม่แน่ว่าจะไม่พบวิธีเพิ่มพลังฝีมือ!’ ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนถึงรีบร้อนอยากไประนาบเหยียนหวงให้เร็วที่สุด แน่นอนว่าเมื่อไปถึงระนาบเหยียนหวงแล้ว ไม่เพียงอาจพบหนทางเพิ่มพูนพลังฝีมือ เขากระทั่งยังสามารถหาทางย้อนกลับไปยัง ‘โลก’ ได้อีกด้วย… หากไม่ใช่เพราะคิดย้อนกลับไปยัง ‘โลก’ ต้วนหลิงเทียนคงไม่เจาะจงไประนาบเหยียนหวงแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกจากระนาบเหยียนหวง ก็ยังมีมหาระนาบโลกียะอื่นๆอยู่อีกถึง 3 ระนาบ มหาระนาบโลกียะทั้ง 3 ย่อมไม่ได้เล็กไปกว่าระนาบเหยียนหวงเลย สิ่งใดที่ระนาบเหยียนหวงมี พวกมันย่อมมีไม่ต่าง! สาเหตุที่ไฉนเขาจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นระนาบเหยียนหวง เป็นเพราะ “โลก” ล้วนๆ! เพราะที่นั่นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นดั่งบ้านเกิดของต้วนหลิงเทียน ‘พวกปีศาจที่รุกรานขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบน ป่านนี้คงได้รับทราบพลังฝีมือของเค่อเอ๋อที่สามารถจัดการเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อย่างประมุขเผ่ามังกรลงได้ง่ายๆเรียบร้อยแล้ว…’ ‘ภายใต้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้ แม้พวกมันจะไม่ถึงขั้นเร่งถอนกำลังกลับแดนเนรเทศ…แต่พวกมันคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรรุนแรง! เว้นเสียแต่จะยืนยันได้แล้วว่าเค่อเอ๋อไม่อยู่ในระนาบเซียน หาไม่แล้วพวกมันคงไม่กล้าก่อการใหญ่โตอะไรแน่’ ก่อนที่จะออกจากระนาบเซียน ต้วนหลิงเทียนก็มีคิดเรื่องนี้เอาไว้แต่แรก อย่างไรเสียระนาบเซียนก็เป็นดั่งบ้านเกิดของเขาในชีวิตนี้ หากทำได้เขาเองก็ไม่อยากให้ระนาบเซียนต้องถูกเผ่าปีศาจยึดครอง สาเหตุที่ไฉนต้วนหลิงเทียนไม่ลงมือขับไล่เผ่าปีศาจก่อน เพราะเขารู้ดีว่าพวกมันก็มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ด้วย แถมพลังฝีมือก็อาจจะไม่อ่อนด้อยไปกว่าเขา ด้วยเค่อเอ๋อจากไปแบบนี้ เขาไม่มั่นใจว่าอาศัยพลังของตัวเองคนเดียวจะมากพอขับไล่พวกมันกลับไป… อันที่จริงเรื่องราวก็เป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ไม่มีผิด หลังได้ยืนยันความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเผ่ามังกรแล้ว เหล่ายอดฝีมือของเผ่าปีศาจทั้งหลายก็หน้าเสียกันเป็นแถว เร่งรุดถ่ายทอดคำสั่งลงไปยังปีศาจระดับล่างว่าอย่าได้เข่นฆ่ามนุษย์ในระนาบเซียนราวผักปลาเหมือนกาลก่อนเด็ดขาด! ทำให้ระนาบเซียนหวนคืนสู่ความสงบได้อย่างประหลาด เผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจคล้ายจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นดั่งความสงบก่อนพายุจะเข้า! หากยอดฝีมือของเผ่าปีศาจสามารถยืนยันได้ว่า มนุษย์ที่ทรงพลังมากพอจะจัดการพวกมันได้นั้น…ไม่ได้อยู่ในระนาบเซียนอีกต่อไปแล้วล่ะก็.. พวกมันจะออกนำทัพเผ่าปีศาจด้วยตัวเอง และยึดครองระนาบเซียนอย่างเบ็ดเสร็จในรวดเดียว!
คอมเม้นต์