War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2478

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2478 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,478 : ความร้อนรนของคู่แฝดหนานกง!
 
“อะไรนะ!?”
 
“พวกเผ่าปีศาจ…มันยกพลบุกขึ้นมารุกรานภูมิภาคเบื้องบนแล้วงั้นเหรอ!?”
 
ไม่นานหลังจากเดินทางออกมาจากพื้นที่มรดกสถานต้าหลัวจินเซียน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวการบุกขึ้นมาเข่นฆ่าสังหารและยึดครองแดนดินของเผ่าพันธุ์ปีศาจ จากเค่อเอ๋อและคนอื่นๆ
 
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
 
‘เผ่าพันธุ์ปีศาจยกพลขึ้นมาจากภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้ สถานการณ์ในภูมิภาคเบื้องบนต้องอันตรายทั้งสุ่มเสี่ยงไม่น้อย…ไม่รู้ว่าพวกท่านพ่อกับเสี่ยวเฟยเอ๋อจะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนแล้วรึยัง’
 
‘หากทุกคนยังเลือกซ่อนตัวอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างก็คงดี แต่ถ้าขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนด้วย ทุกคน…’
 
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าคิดอีกต่อไป
 
‘ต้องรีบกลับไประนาบเซียนให้เร็วที่สุด’
 
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจทันที
 
ตอนนี้ภายในแดนลับต่างสวรรค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างมรดกของต้าหลัวจินเซียนก็ถูกซูหลี่รับสืบทอดไปแล้ว สิ่งอื่นๆที่เหลืออยู่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาอีกต่อไป จึงไม่คิดจะรั้งอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์อีก
 
และเมื่อได้รู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รุกรานขึ้นมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้ว ใจต้วนหลิงเทียนก็อยากเร่งรุดเดินทาง หมายพุ่งไปยังประตูมิติปานลูกศร!
 
“ข้าว่าจะกลับไปยังระนาบเซียนก่อน!”
 
ต้วนหลิงเทียนหันไปกวาดตาบอกกล่าวต่อทุกคน
 
แน่นอนว่าสายตาของเขาได้ไปหยุดอยู่กับมู่อีอีและก่านหรูเยี่ยนเป็นพิเศษ
 
เพราะเขารู้ดีว่านอกจากสตรีทั้ง 2 คนแล้ว คนอื่นๆไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ยินดีติดตามไปกับเขาด้วยโดยไม่ขมวดคิ้ว
 
“ในเมื่อพี่หลิงเทียนอยากกลับ พวกเราก็กลับกันเถอะ”
 
เป็นธรรมดาว่าคนแรกที่เห็นด้วยย่อมเป็นหานเฉวี่ยไน่
 
“ทุกประการข้าล้วนฟังนายท่าน”
 
เฉินอี้หรูตอบ
 
“ข้าเองก็คิดไปเที่ยวระนาบเซียนของน้องหลิงเทียนสักครา ก่อนที่จะกลับไประนาบเหยียนหวง…กล่าวไปก็อย่างที่พวกเรานัดกันไว้”
 
จางยี่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
 
ก่อนหน้านี้จางยี่กับต้วนหลิงเทียนได้ตกลงกันแล้วว่าก่อนที่จะไปเยือนระนาบเหยียนหวง ต้วนหลิงเทียนจะย้อนกลับไประนาบเซียนก่อน
 
ดังนั้นจางยี่เองก็รู้อยู่แล้ว
 
สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดกลับไประนาบเซียนนั้น แน่นอนว่าต้องไปจัดการุระสำคัญและเรื่องเร่งด่วน
 
มีเพียงแต่จัดการเรื่องราวทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว ถึงจะไปเที่ยวระนาบเหยียนหวงกับมันได้อย่างสบายใจ และตัวมันเองก็ไม่ได้รีบร้อนกลับสำนักเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย
 
เค่อเอ๋อกับเฟิ่งเทียนหวู่ไม่ได้พูดอะไร
 
ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
 
เพราะไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะไปไหน ทั้งคู่ย่อมติดตามไปด้วยแน่นอน!
 
“กลับกันเลยก็ได้…เพราะอย่างไรพี่สะใภ้ก็ช่วยชิงยอดสมบัติสวรรค์มาให้ข้าแล้ว”
 
มู่อีอีกล่าวพลางหันไปมองเค่อเอ๋อด้วยสายตาขอบคุณ
 
ภายในมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียน ไม่เพียงแต่จะช่วยจัดการกับด่านทดสอบอันตราย เค่อเอ๋อยังช่วยให้นางได้รับยอดสมบัติสวรรค์ที่เหมาะมือกับนางอีกด้วย ทำให้นางบังเกิดความพึงพอใจถึงขีดสุด
 
“กลับสิ”
 
ก่านหรูเยี่ยนพยักหน้า
 
“ถ้างั้นพวกเรากลับกันเลย”
 
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นว่าทุกคนเห็นด้วย ก็พาทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังทางออกที่เขาสัมผัสได้หลังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ครบ 3 ปีทันที
 
ด้วยความเร็วในการเหินบินของพวกต้วนหลิงเทียน ทางเข้าออกก็ใกล้ขึ้นทุกขณะ
 
ระหว่างการเดินทางเป็นกลุ่มแบบนี้ ย่อมถูกคนพบเจอไม่น้อย
 
แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ระห่างทางจะพบพวกคิดประกอบการค้าไร้ต้นทุน…
(ประกอบการค้าไร้ต้นทุน = โจร…)
 
ต้องกล่าวเลยว่าคนพวกนี้ดวงซวยถึงที่สุด!
 
เรียกว่าก่อนที่จะลงมือบุกปล้นพวกมันไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…
 
ว่ากลุ่มต้วนหลิงเทียนตอนนี้ กล่าวไปแล้วนับเป็นกลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในแดนลับต่างสวรรค์ก็ว่าได้!นอกจากมีตัวตนที่ทรงพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์แล้ว ยังมีแม้แต่ตัวตนที่ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ…ตัวตนที่ทรงพลังอยู่ในขอบเขตจินเซียนเป็นอย่างต่ำ!!
 
และในบรรดาผู้ที่มีตาแต่ไร้แววทั้งหลาย ก็มีคนที่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาไม่น้อย
 
เช่นนั้นเรียกว่าระหว่างเดินทางกลับ พวกต้วนหลิงเทียนก็ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ติดไม้ติดมือไปเป็นกระบุง…
 
เรียกว่านี่เสมือนมีความสุขมาส่งถึงที่…
 
“ถึงแล้ว”
 
หลังจากเร่งรุดเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็พบเห็นทางออกจากแดนลับต่างสวรรค์เพื่อกลับไปยังระนาบเซียน ลักษณะของประตูมิติที่ว่า มองอย่างไรก็คือหลุมดำชัดๆ
 
หลุมดำที่ว่านั่นกำลังหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ  ราวกับพร้อมจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง!
 
“ไป! กลับบ้านกันเถอะ!”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักคนอื่น ก่อนที่จะกุมมือเค่อเอ๋อแล้วเหินร่างเข้าไปใกล้หลุมดำมากขึ้นทุกขณะ เตรียมพร้อมผ่านหลุมดำย้อนกลับไปยังระนาบเซียน
 
ทว่าทันใดนั้นเอง
 
ซู่ม! ซู่ม!
 
เสียงแหวกฝ่าอากาศด้วยความเร็วลั่นดังมาแต่ไกล และฟังจากเสียงที่ดังขึ้นทุกขณะต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้นตอของเสียงกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทำให้เขากับเค่อเอ๋อหันไปมองดูด้วยความสนใจทันที
 
ขวับ ขวับ ขวับ
 

 
ขณะเดียวกันสายตาของเฟิ่งเทียนหวู่ หานเฉวี่ยไน่ และคนอื่นๆ ก็หันขวับไปจับจ้องต้นเสียงตามๆกัน
 
ห่างออกไปไกลๆ ในสายตาของต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่าง 2 ร่างที่แลดูรีบร้อนกำลังมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วสูง
 
‘หนานกงเฉิน? หนานกงยี่?’
 
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เค่อเอ๋อที่อยู่ข้างๆก็ทำตาโตขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ทั้งคู่ย่อมตระหนักได้ทันทีว่าความเร็วที่ทั้งสองใช้เหาะเหินมาทางนี้ เป็นความเร็วที่ทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
 
เจ้าของร่าง 2 ร่างที่แลดูเร่งรีบเดินทางก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 6 คนคู่ ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้…
 
หนานกงเฉิน กับหนานกงยี่!
 
ตอนนี้คู่แฝดทั้งสองแลดูรีบร้อนเดินทาง ราวกับกำลังรีดเค้นพลังทั้งหมดออกมาเหาะเหิน เพื่อหนีอะไรบางอย่างสุดชีวิต…
 
“เห? พลังฝีมือของทั้งคู่สูงขึ้นไม่น้อยเลยนี่นา…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่น้องคู่นี้ในแดนลับต่างสวรรค์กัน?”
 
เมื่อเห็นความเร็วในการเหาะเหินของคู่แฝดหนานกง ต้วนหลิงเทียนก็อดพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ อีกทั้งยังสงสัยไม่น้อยว่าไฉนแลดูทั้งคู่ถึงได้รีบร้อนทำราวกับหนีตายมาแบบนี้ด้วย
 
“พี่เทียน รองเท้าที่ทั้งคู่สวมใส่อยู่ เป็นยอดสมบัติสวรรค์…”
 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนอดแปลกใจไปไม่ได้ เค่อเอ๋อที่อยู่ข้างๆก็กล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมา
 
“ยอดสมบัติสวรรค์หรือ?”
 
หลังได้ยินคำของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไปยังรองเท้าของทั้งสองคนทันที จึงพบถึงความต่างระหว่างรองเท้าธรรมดากับรองเท้าที่ทั้งสองสวมใส่อยู่ไม่ยาก พวกมันแผ่กลิ่นอายยอดสมบัติสวรรค์ออกมาชัดเจน!
 
รองเท้าของหนานกงเฉินนั้นปักลายมังกรที่แลดูเสมือนมีชีวิต ส่วนของหนานกงยี่ปักไว้ด้วยลวดลายหงส์ฟ้าแลดูสมจริงเช่นกัน!
 
“เป็นหนานกงเฉินกับหนานกงยี่!”
 
หลังคู่แฝดหนานกงเหินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย เฉินอี้หรูก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น
 
“หนานกงเฉิน? หนานกงยี่?”
 
ตอนนี้เองสายตาของคนอื่นๆก็เริ่มสังเกตเห็นทั้งคู่แล้วเช่นกัน จึงได้รู้ว่าสองร่างที่กำลังเหินมาด้วยท่าทางรีบร้อนแบบนั้นเป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 6 คนคู่อย่างหนานกงเฉินและหนานกงยี่นี่เอง
 
“เจ้าพวกคู่แฝดยังอยู่ดีสินะ…”
 
เมื่อเห็นว่าคู่แฝดหนานกงยังปลอดภัยดี หานเฉวี่ยไน่ก็อดระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้
 
ตลอดช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ได้อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ หานเฉวี่ยไน่ตระหนักถึงอันตรายในนี้ได้ชัดเจน กระทั่งยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่คู่แฝดหนานกงจะเอาตัวรอดได้
 
เพราะอย่างไรเสียพลังฝีมือของทั้งคู่ก็อ่อนด้อยกว่านาง
 
ตอนนี้พอเห็นว่าสองพี่น้องคู่แฝดยังปลอดภัยดีอยู่ นางย่อมอดยินดีกับทั้งคู่ไม่ได้
 
“ว่าแต่…ไฉนเจ้าพวกนั้นมันเหาะเร็วนักเล่า!?”
 
ไม่นานหานเฉวี่ยไน่และคนอื่นๆก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
 
เพราะปัจจุบันความเร็วของคู่แฝดหนานกงนั้น เป็นอะไรที่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนกับเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนแทบมองตามไม่ทัน
 
ร่างทั้งสองวูบหายไปจากสายตาเป็นครั้งคราว
 
“ความเร็วของทั้งคู่ตอนนี้…ทัดเทียมกับความเร็วของครึ่งก้าวเซียนอมตะ”
 
เป็นเฉินอี้หรูที่เอ่ยขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
 
“เทียบได้กับคววามเร็วครึ่งก้าวเซียนอมตะ!?”
 
หานเฉวี่ยไน่และคนอื่นๆย่อมเชื่อคำของเฉินอี้หรู ทำให้อดตกใจไม่ได้
 
“ไหงเป็นงี้ได้ล่ะ?!”
 
หานเฉวี่ยไน่โพล่งออกมาคนแรก “เจ้าคู่แฝดสองคนนี่ก่อนเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ ก็พึ่งเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไม่ใช่รึไง…ไฉนความเร็วถึงได้สูงขึ้นขนาดนี้เล่า!?”
 
“เอ่อ…เรื่องนี้ข้าเองก็มิทราบ”
 
เฉินอี้หรูที่ลองแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบพลังบ่มเพาะของทั้งคู่ ก็พบได้ว่าสองคนนั่นยังเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น
 
ทำให้จังหวะนี้กระทั่งเฉินอี้หรูยังอดไม่ได้ที่จะงุนงง “ข้าพึ่งลองใช้สำนึกเทวะตรวจสอบดู…พบว่าทั้งสองคนยังมีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น”
 
“แต่ไฉนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนถึงมีความเร็วทัดเทียมครึ่งก้าวเซียนอมตะได้กัน?”
 
ได้ยินคำพูดด้วยความสับสนของเฉินอี้หรู ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะพอกันสงสัยตาม
 
“ทั้งคู่มียอดสมบัติสวรรค์น่ะ”
 
ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่กับคนอื่นๆกำลังงุนงง เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังเข้าหูของทุกคนพอดี ทำให้ทั้งหมดรู้สึกตัวก่อนที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง
 
“ยอดสมบัติสวรรค์หรือ?”
 
และในขณะที่หานเฉวี่ยไน่กับคนอื่นๆกำลังหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้ยความสงสัย คู่แฝดหนานกงที่แลดูเร่งรีบเดินทางก็เข้าใกล้มากพอจะสังเกตเห็นทุกคนในที่สุด
 
“เจ้าต้วนงั้นเหรอ…อ่าว ทุกคนก็อยู่ครบเชียว”
 
เมื่อคู่แฝดหนานกงสังเกตเห็นพวกต้วนหลิงเทียน ก็อดแปลกใจไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็รู้สึกว่าเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง จึงหยุดร่างลงด้วยความแปลกใจ
 
“พวกเจ้าสองคนไฉนดูรีบร้อนนักเล่า? ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครไล่ตามพวกเจ้ามาเลย”
 
ต้ววนหลิงเทียนมองถามไปยังร่างคู่แฝดหนานกงที่หยุดลงด้วยความสงสัย
 
และพอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่ก็ผงะไปทันที
 
หลังจากนั้นคล้ายทั้งคู่ตระหนักได้ถึงเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่าง สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง เร่งหันไปกวาดตามองต้วนหลิงเทียนกับคนที่เหลือพร้อมตะโกนออกมาอย่างแตกตื่น “ต้วนหลิงเทียน! ทุกคน! เร็วเข้า! รีบหนีกลับระนาบเซียนเร็ว!!”
 
ในขณะที่หนานกงยี่ตะโกนกล่าวจบคำ ร่างทั้งคู่ก็เริ่มพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าคิดเข้าไปในหลุมดำที่อยู่ไม่ไกล หมายกลับสู่ระนาบเซียนอย่างรีบร้อน
 
ฟุ่บ!
 
อย่างไรก็ตามร่างต้วนหลิงเทียนกระพริบไปหยุดขวางทั้งคู่เอาไว้ และเป็นเค่อเอ๋อที่อยู่ข้างๆกล่าวถามออกมา “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
 
“เจ้าต้วน! น้องเค่อเอ๋อ! พวกเรารีบกลับไประนาบเซียนก่อนเร็ว! หาไม่แล้วคงสายเกินไป!”
 
หนานกงยี่เร่งกล่าวออกด้วยท่าทีร้อนใจ
 
แม้หนานกงเฉินจะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าตื่นตระหนกลนลานก็เผยให้รู้ว่ากำลังร้อนรนไม่น้อย
 
ราวกับมีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะตามพวกมันมา
 
และแทบจะทันทีที่หนานกงยี่กล่าวจบคำ
 
ฟุ่บ!
 
สำนึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่งพลันแผ่พุ่งมาดั่งคลื่นสมุทร โถมปกคลุมมาถึงพื้นที่แถบนี้ในชั่วพริบตา และนั่นพาลให้สีหน้าคู่แฝดหนานเปลี่ยนไปมหันต์
 
“จบสิ้นกัน!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด