War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2454
ตอนที่ 2,454 : ก่อเกิดกระบี่อันตระการตาน่าครั่นคร้าม! ต้วนหลิงเทียน!? หลังได้ยินเสียงโพล่งถามดังกล่าว ทุกผู้คนก็ชะงักไปทันที ต้วนหลิงเทียน… นามนี้ย่อมคุ้นหูพวกมันดี “ต้วนหลิงเทียน ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พอออกมาจากสมบัติสถานระดับบสวรรค์ที่ต้าหลัวจินเซียนผู้หนึ่งทิ้งไว้ ก็เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ลงได้อย่างหมดจด…คนที่ถูกสงสัยกันว่าน่าจะมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์คนนั้นน่ะรึ!?” ข่าวลือในช่วงนี้ พวกมันได้ยินมาไม่มากก็น้อย แน่นอนว่ามีหลายคนคิดว่านี่เป็นข่าวลือเหลวไหลไร้มูลความจริง “มันคงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่ว่าจริงๆหรอกนะ?” “ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? ยาโถวน้อยนางนั้นบอกว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้ในกระบวนเดียว แถมนางยังเรียกหามันว่าพี่ใหญ่หลิงเทียน ทั้งมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์นั่นอีก…” “อืมเจ้าได้ยินไม่ผิด ข้าเองก็ได้ยินข่าวลือมาว่ามีครึ่งก้าวเซียนอมตะสังหารเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ในกระบวนเดียวมาเหมือนกัน…ทว่าน้อยคนนักที่จะเชื่อถือเรื่องเหลวไหลแบบนี้” … หลายคนรอบๆเริ่มมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย ปากกระซิบคุยกันดังระงม “หึ! ไม่รู้เรื่องเลย! ต้วนหลิงเทียนที่พวกเจ้าได้ยินมา ก็คือพี่ใหญ่หลิงเทียนของข้านี่ล่ะ!!” หานเฉวี่ยไน่ที่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบก็เชิดหน้ากล่าวออกมาเสียงเย็น “ข่าวที่ว่าล้วนไม่ใช่ข่าวแปลกปลอมอันใด…พี่ใหญ่หลิงเทียนของข้าอยู่ที่นั่นจริง! และหลังออกมาจากสมบัติสถานระดับสวรรค์นั่น ก็ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ไม่รู้ความนั่นราวสุนัขป่วย!!” “ยิ่งไปกว่านั้น พี่ใหญ่ข้าอาศัยกระบวนท่าเดียวก็ฆ่ามันได้! ไงล่ะ?! พวกเจ้าใช่กลัวแล้วหรือไม่?! ยังกล้าดูถูกพี่ใหญ่ข้าอีกหรือไม่?” ยิ่งมาเสียงหานเฉวี่ยยิ่งสูงขึ้นคล้ายจะท้าทายผู้คน “มันคือต้วนหลิงเทียนที่ว่าจริงๆหรือ?” หลังได้ยินคำยืนยันของหานเฉวี่ยไน่ หลายคนก็ตระหนักได้ว่าพวกมันเจอคนดังในข่าวลือเข้าให้แล้ว! “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบเจอต้วนหลิงเทียนที่กำลังโด่งดังผู้นั้น…แต่ไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะร้ายกาจเหมือนในข่าวลือหรือไม่ ที่ว่าพลังของมันเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์?” “มันจะใช่ร้ายกาจดั่งข่าวลือและมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์จริงหรือไม่ อีกไม่นานพวกเราก็ได้รู้แน่…พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร ผู้เฒ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่พึ่งได้ดาบเซียนอมตะไปผู้นั้น จะพุ่งไปฟันหัวมันอยู่รอมร่อแล้ว” “มีเรื่องดีๆให้ดูชมแล้ว” … สายตาทุกคนละออกจากร่างต้วนหลิงเทียนไปหันมองชายชราเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ จากนิกายหลีเยี่ยนแห่งระนาบคงสิงที่เร่งพลังพร้อมรบด้วยสายตาคาดหวัง “เจ้าคือ ต้วนหลิงเทียนในข่าวลืองั้นรึ?” ชายชราที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์และถือดาบด้วยสภาวะดุร้าย มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงดูแคลน แววตายังเผยความเย้ยหยันไม่น้อย “น่าเสียดายที่ข้าคนหนึ่งล่ะที่มิเชื่อข่าวลือเหลวไหลนั่น! ข้าได้เห็นการลงมือของเจ้าผ่านม่านกระจกสะท้อนลักษณ์ยามฆ่าหรงปัวหมดสิ้นแล้ว!!” “จริงอยู่ที่ยามเจ้าสังหารหรงปัวศิษย์ของนิกายข้าเจ้าร้ายกาจไม่น้อย! แต่พลังฝีมือของเจ้าอย่างดีก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3 หรือ 4 ทัณฑ์เท่านั้น!!” ยิ่งพูดสายตาของชายชราก็ยิ่งเผยความดูถูก ทั้งหมดเพราะมันได้เห็นฉากเรื่องราวการสังหารหรงปัวของต้วนหลิงเทียนกับตา ถึงตอนนั้นต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ลงมือมากมายอะไรเพียงควบคุมกระบี่บิน แต่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนยังคงห่างไกลจากข่าวลือมาก ดังนั้นชายชราจึงไม่คิดว่าข่าวลือจะเป็นจริงไปได้ แต่ถึงแม้ชายชราจะกล่าวออกไปแบบนั้น ทว่าส่วนหนึ่งในใจก็รู้สึกว่าข่าวลือไม่สมควรไร้มูลความจริง จึงเริ่มมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย “อ้อ ถ้าอย่างนั้นสายตาของเจ้าก็นับว่าไม่เลวเลย” ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับชายชราด้วยสีหน้าแววตาสงบ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร “ต้วนหลิงเทียน เจ้าฆ่า หรงปัว ศิษย์อัจฉริยะของนิกายหลีเยี่ยนข้า วันนี้ข้าในฐานะผู้อาวุโสของมันจักล้างแค้นเจ้า และส่งเจ้าไปติดตามรับใช้ศิษย์ข้าในปรโลก!!” เจตนาฆ่าฟันที่ถูกระงับไว้ชั่วคราวของชายชราได้ปะทุออกมาอีกครั้ง และประกาศกร้าวออกมาตรงๆว่าจะฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้นให้หรงปัว “เจ้าคิดล้างแค้นให้หรงปัวงั้นเหรอ?” ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย หากแต่น้ำเสียงยังคงเฉยเมยเหมือนเดิม “ถ้างั้นเจ้าสมควรไตร่ตรองใหดี…ว่าจะล้างแค้นให้ผู้อื่นโดยเอาชีวิตตัวเองมาเป็นเดิมพันแน่หรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าจะได้มันไม่คุ้มกันกับสิ่งที่เจ้าจะเสีย…” วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน…ไม่เพียงเผยให้เห็นถึงความมั่นในใจในตัวเองแต่ยังกล่าวขู่ชายชราด้วยว่า หากกล้าที่จะล้างแค้นให้ผู้อื่นก็ต้องกล้าที่จะเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก! “หยิ่งผยอง! ลำพองนัก!!” ทันใดนั้นชายชราก็มีโมโหจนตัวสั่น “ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ยังสงบได้กระทั่งในเวลาแบบนี้?” “หรือมัน…มั่นใจว่าสามารถเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ถือดาบเซียนอมตะในมือได้จริงๆ?” “นี่มันเรื่องตลกอันใด!? ในระนาบโลกียะมีคนเพียง 2 ประเภทเท่านั้นที่สามารถ ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มีดาบเซียนอมตะได้ หนึ่งคือเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!” “แล้วพวกเจ้าเห็นว่าเจ้านั่นมันมีทีท่าว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่?” … ถึงแม้ทีท่าต้วนหลิงเทียนจะเผยให้เห็นความมั่นใจอย่างถึงขีดสุด แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในที่นี้ที่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะฆ่าชายชราได้จริงๆ “พี่ใหญ่หลิงเทียน…” สัมผัสได้ถึงความมั่นใจอันล้นปรี่ของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่เองก็อึ้งไปไม่น้อย เพราะในสายตาของนาง พลังฝีมือของพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง ไม่ใช่ว่าอย่างดีก็เต็มที่แค่ทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ที่ถือยอดสมบัติสวรรค์หรือไร.. และชายชราเบื้องหน้าก็คือเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ในมือ! ทว่าฟังจากวาจาของพี่ใหญ่แล้ว ไฉนนางรู้สึกว่าในสายตาพี่ใหญ่ของนาง การฆ่าตัวตนเช่นนี้มันไม่นับเป็นเรื่องลำบากอะไรเล่า? ‘เจ้านั่นจะอย่างไรก็เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มีดาบเซียนอมตะ…แล้วน้องหลิงเทียนไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใดกัน?’ จางยี่เองก็สงสัยไม่น้อย แต่เพราะมันกับหานเฉวี่ยไน่เชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน และไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะพูดแบบนี้ออกมาอย่างไร้เหตุผล ทว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างไร? พวกมันไม่อาจนึกออก! ต้วนหลิงเทียนไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่!! เพราะพวกมันเองก็พอจะรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานเฉวี่ยไน่ที่รู้ถึงขุมพลังต้วนหลิงเทียนละเอียดกว่าจางยี่ ‘ด้วยเวทย์พลังสนับสนุนของพี่ใหญ่หลิงเทียน ย่อมสามารถยกระดับพลังได้ถึง 2 ขีดขั้น…ส่วนกระบี่เซียนอมตะนั่นสามารถยกระดับพลังพี่ใหญ่ได้อีก 1ขั้น รวมถึงวิชาเลิศล้ำ ‘กายกระบี่รวมหนึ่ง’ จากขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่ใจกระจ่าง ก็สมควรยกระดับพลังให้พี่ใหญ่หลิงเทียนได้อีก 2ขีดขั้น…’ ‘สุดท้ายบวกกับเวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่จากระนาบเทวโลกอย่าง 13 กระบี่บงกชฟ้าที่พี่ใหญ่พึ่งเข้าใจ ก็น่าจะยกระดับพลังให้พี่ใหญ่ได้อีก 1ขั้น…แต่รวมทั้งหมดแล้ว ก็สมควรเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เท่านั้นนี่นา’(เพิ่มทั้งหมด 6 ขั้น บวกกับครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ = เซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ เลยกลายเป็น 6+2 = 8) หานเฉวี่ยไน่เองก็ได้แต่เอียงคอด้วยสงสัย ว่าพี่ใหญ่ของนางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ‘หรือว่า…’ ทันใดนั้นเองประหนึ่งมีตะเกียงส่องสว่างขึ้นในหัวเฉวี่ยไน่ ทำให้สองตากลมโตของนางเผยประกายจ้าขึ้นมาทันที “ต้วนหลิงเทียน!!” ตอนนี้เองชายชรา จากนิกายหลีเยี่ยนแห่งระนาบคงสิงพลันตะโกนออกมาดังลั่น เสียงมากล้นโทสะอันเกรี้ยวกราดของมัน ไม่เพียงขัดความคิดของหานเฉวี่ยไน่ ยังเรียกร้องความสนใจจากหานเฉวี่ยไน่ไปทันที “ในเมื่อเจ้าด่วนตายนัก! เช่นนั้นข้าจักสงเคราะห์ให้เจ้าได้ตายตกสมหวัง!!” และทันทีที่เสียงเกรี้ยวกราดของชายชราดังจบคำ ร่างคนก็คล้ายกลับกลายเป็นลมสลาตันหอบหนึ่ง! ดาบเซียนอมตะในมือยังทอประกายเจิดจ้า ราวกับมีพลังอำนาจเบิกโลก! ปง! ปง! ปง! ปง! … ร่างชายชราพลันโจนทะยานเข้ามาพร้อมสภาวะดาบอันเหี้ยมหาญ เสียงแหวกสายลมดังระเบิดพร้อมกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงกำจายออกมาอย่างน่าหวาดกลัว! ในฐานะที่เป็นเซียนอมตะเสเพลที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหลีเยียนแห่งระนาบคงสิงที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์คราวนี้ พลังฝีมือส่วนตัวของชายชราแน่นอนว่ามิใช่ชั่วเป็นทุน! กระทั่งในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ด้วยกัน มันยังจัดอยู่ในชนชั้นยอดฝีมือ! นอกจากนั้นพอได้ดาบเซียนอมตะมาครอง ทั้งตัวมันเป็นผู้ใช้ดาบพอดี จึงเสมือนได้รับพลังอำนาจหนุนเสริมจากเทพเทวา! “ปฐมเวทย์กลืนกิน” ทันทีที่ชายชรากล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินออกมาแต่แรก พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบพลันสาบสูญ หนุนเสริมพลังในร่างเขาให้พุ่งทะยานไปอีก 2 ขีดขั้นในชั่วพริบตา! ขณะเดียวกันสองตาของเขาก็เผยปรกายเยียบเย็น กล่าววาจาออกมา 4 คำอย่างไม่รีบไม่ร้อน “หมื่นศาสตราสยบ” และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจา 4 คำจบ ทันใดนั้นกระบี่เซียนอมตะในมือที่ไม่ทราบเรียกออกมากระชับถือไว้ตั้งแต่เมื่อใด ก็เปล่งรังสีกระบี่ออกไปเหินบินฉวัดเฉวียนรอบกาย! ยิ่งมาประกายแสงจากรังสีกระบี่ที่วนเวียนรอบกายยิ่งทอประกายเจิดจ้า อีกทั้งกระบี่เซียนอมตะในมือยังปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกมาไม่หยุดยั้ง! จากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน สุดท้ายก็บังเกิดเป็นรังสีกระบี่พลังนับหมื่นพุ่งเวียนวนรอบกายอย่างน่าพรั่นพรึง! จากนั้นกระบี่พลังนับหมื่นประหนึ่งได้รับคำบัญชาจากทวยเทพ พวกมันม้วนวนลอยสูงบีบรัศมีลงเรื่อยๆ กลับกลายเป็นพายุกระบี่เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและเริ่มวูบเข้าสู่จุดศูนย์กลาง! จากนั้นค่อยอุบัติเป็นกระบี่เล่มหนึ่งทอแสงสว่างเจิดจ้าปานสุริยันดวงที่สอง!! “นั่นมัน…” ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเรียกกระบี่เซียนอมตะทั้งจ่ายพลังก่อเกิดรังสีกระบี่ออกมามหาศาล จนก่อเกิดเป็นวังวนกระบี่ทั้งควบรวมเป็นกระบี่พลังเจิดจ้าเหนือศีรษะนั้น มันกินเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาดุจละอองไฟวาบดับเท่านั้น! เรียกว่าขั้นตอนก่อเกิดกระบี่พลังน่าพรั่นพรึงดังกล่าว มันเร็วสุดที่ผู้มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยจะมองตามได้ทัน! และกระบี่ที่ก่อเกิดจากกระบวนการน่าพรั่นพรึงนี้ ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างชะงัด! เพราะความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากกระบี่พลังอันน่าครั่นคร้ามทั้งงดงามราวกับศาสตราของทวยเทพดังกล่าว ช่างให้ความรู้สึกลี้ลับทรงพลังอย่างหาใดเปรียบ! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!! … และในขณะที่ทุกคนจับจ้องมองไปยังกระบี่พลังน่าครั่นคร้ามที่ควบรวมด้วยวิธีพิสดารเหนือหัวต้วนหลิงเทียน ตัวกระบี่พลังดังกล่าวก็เริ่มเปล่งพลังลี้ลับออกมาเป็นวงคลื่น พริบตาก็กำจายออกไปโดยรอบ! และทุกผู้คนสามารถมองเห็นได้ชัดถนัดตา ว่าคลื่นพลังลี้ลับที่กำจายออกมาโดยมีตัวกระบี่พิสดารเหนือศีรษะของต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางนั้น มันมีรัศมีอันกว้างขวางนัก! เพียงชั่วพริบตาก็ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่สุดไพศาล ซึ่งร่างชายชราที่โจนทะยานเข้ามาก็ตกอยู่ในรัศมีพลังลี้ลับดังกล่าว! “หืม!? นี่มันอะไรกัน!?” และชายชราที่โจนทะยานมาพร้อมกระบี่ด้วยสภาวะเหี้ยมหาญหมายฟันฟาดผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลก บัดนี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติประการหนึ่ง มันพบว่าดาบเซียนอมตะในมือของมันอยู่ๆก็สั่นไหวอย่างรุนแรง! “นี่มันอันใดกันแน่!?” พริบตาต่อมาสภาวะบุกอย่างเหี้ยมหาญของชายชราก็หยุดลง นั่นเพราะมันตระหนักได้ว่าดาบในมือยิ่งมายิ่งสั่นไหวรุนแรงประหนึ่งกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นพันธนาการ! ราวกับเด็กน้อยดื้อรั้นไม่เชื่อฟังบิดา!! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! … ทันใดนั้นมือที่กอบกุมดาบของชายชราก็ถูกตัวดาบแผ่รังสีดาบดุร้ายเชือดเฉือนจนเลือดอาบ! ‘มิได้การแล้ว! หากไม่ปล่อยกระบี่ มือข้ารวมถึงร่างได้ถูกมันทำลายทิ้งแน่!!’ พอตระหนักได้ถึงเรื่องน่ากลัวดังกล่าว ชายชราก็จำต้องปล่อยดาบทันที และทันใดนั้นเองตัวดาบก็ส่องประกายออกมาเจิดจ้า! ซู่มมมม!! เมื่อดาบดังกล่าวหลุดออกจากกอบกุมของชายชรา ก็ประหนึ่งม้าป่าพยศหลุดควบคุม! มันพุ่งทะยานแหวกฟ้าออกไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!!
คอมเม้นต์