War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2436
ตอนที่ 2,436 : จางอวิ๋นเฟยม้วย! ดั่งวลีที่ว่า… ภาพฝันนั้นงดงาม แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย! หลังจากนั้นไม่ทันไร จางอวิ๋นเฟยก็ได้ตระหนักซึ้งถึงความหมายของมัน “อัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะ!!” จางอวิ๋นเฟยที่เร่งเร้าพลังทั้งหมดพร้อมกระบี่เซียนอมตะในมือ พลันชี้กระบี่ไปทางต้วนหลิงเทียนแล้วใช้ออกด้วยอัสนีบาติพิฆาตเซียนอมตะออกมาอีกครั้ง! และคราวนี้ห่าอัสนีที่ฟาดลงก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจไร้คู่เปรียบของเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์! เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ไร้กระบี่เซียนอมตะ พลังอำนาจของมันได้ยกระดับไปอีกขั้น! “ใจกระบี่เหิน” เผชิญหน้ากับอัสนีบาติพิฆาตเซียนอมตะของจางอวิ๋นเฟยอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็กระชับกระบี่เซียนอมตะในมือก่อนที่จะซัดกระบี่ออกไป ในสายตาของคนอื่น เป็นเพียงการซัดกระบี่ขึ้นไปธรรมดาๆ อย่างไร้เรื่องราว… ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือเหมือนก่อนหน้าไม่ต่างจางอวิ๋นเฟย ทว่าก่อนที่เขาจะซัดกระบี่เซียนอมตะออกไป พลังที่ถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่เซียนอมตะ ก็คือพลังที่ได้รับการเพิ่มพูนขึ้นจากปฐมเวทย์กลืนกินเรียบร้อยแล้ว! ดังนั้นแม้เขาจะลงมือด้วยกระบวนท่าเดียวกันกับก่อนหน้า หากแต่พลังในกระบี่ย่อมต่างกันคนละเรื่อง! ยังทรงพลังเหนือกว่าเดิมเกินหนึ่งขั้น! เปรี๊ยงงงง!! อัสนีบาตพิฆาตยังคงฟาดผ่าลงงมาด้วยเสียงสนั่นลั่นดังพร้อมสภาวะเข่นฆ่าสังหารอันเกรี้ยวกราดปานจะทำลายล้างได้ทุกสิ่ง! ฟั่ฟฟฟ!! กระบี่เซียนอมตะที่ถูกซัดขึ้นไปก็ระเบิดความเร็วออกมาสูงล้ำ จี้ตรงเข้าหาห่าอัสนีบาตอย่างไร้ครั่นคร้ามปานลูกวัวแรกเกิดไม่หวาดพยัคฆ์! พริบตากระบี่เซียนอมตะกับห่าอัสนีบาตก็ปะทะกันอีกรอบ! อย่างไรก็ตามคราวนี้ไม่มีคำว่าเสมอ! การที่มันเสมอกันก่อนหน้า เนื่องเพราะพลังทั้งสองขุมคู่คี่สูสีกัน ดังนั้นในห้วงเวลาชั่วขณะหนึ่ง จึงเกิดการต่อต้านหักล้างกันขึ้น หากทว่าการเหินทะยานพุ่งขึ้นฟ้าไปของกระบี่เซียนอมตะคราวนี้ พลังสภาวะประหนึ่งได้รับอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพ ทรงพลังยิ่งกว่าห่าอัสนีไม่รู้เท่าไหร่! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! …… เสียงสนั่นสะท้านสะเทือนแดนดินอุบัติขึ้นอีกครา คลื่นพลังสะท้อนจากการปะทะก่อให้เกิดคลื่นลมทั้งคลื่นกระแทกอันน่าพรั่นพรึงกวาดทำลายออกไปทั่วโถง! หากแต่พลังอำนาจของอัสนีบาตคล้ายถูกสยบลงอย่างสิ้นเชิง ไม่อาจแข็งขืนต้านทานได้เพียงเสี้ยวเวลา ถูกกระบี่เปล่งพลังทะลวงเจาะทำลายสิ้นทุกเส้นสายไม่มีเหลือ! กระทั่งทำลายห่าอัสนีแล้ว กระบี่ยังพุ่งขึ้นไปทำลวงทำลายแพเมฆสองสีได้ง่ายดายราวเอากระบี่ในตำนานทะลวงเจาะกระดาษเปื่อยเปียกน้ำ!! “อั๊คค!!” วรยุทธ์เซียนอมตะที่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดถูกทำลายจนราบคาบ ร่างจางอวิ๋นเฟยจึงสั่นสะท้านไปราวเจ้าเข้า สีหน้าซีดเซียวลงถนัดตา อดกระอักเลือดออกมาเป็นสายไม่ได้! โลหิตร่วงไปเบ่งบานเป็นบุปผาสีเลือดนองพื้น “ปะ…เป็นไปได้ยังไง?” “อัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะที่ข้าใช้…ในแง่พลังมันเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์แล้วแท้ๆ…” มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ตอนนี้แวววตาของจางอวิ๋นเฟยเต็มไปด้วยสีสันอันน่าทึ่ง แลดูเหมือนมันจะไม่อาจยอมรับความจริงตรงหน้าได้… “เหอะ!” ได้ยินคำของจางอวิ๋นเฟย จางยี่อดพ่นลมสถกล่าวคำเยาะออกไปไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน…กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ที่แท้จริงยังฆ่าได้…นับประสาอะไรกับครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังทัดเทียมอย่างเจ้า!” จางยี่ยังจดจำฉากที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าสังหารเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ ที่ยอดเขาอันมีกระดิ่งห้อยแขวนอยู่ได้ชัดถนัดตา ว่ามันช่างง่ายดายถึงเพียงไร… ดังนั้นมันจึงไม่ได้แปลกใจอะไรที่เห็นต้วนหลิงเทียนทำลายกระบวนท่าของจางอวิ๋นเฟยได้ในกระบี่เดียว “อะ…อะไร!?” “มะ…มันฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัฑณ์!?” จางยี่กล่าววไม่ทันจบคำดี จางอวิ๋นเฟยก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก ยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าจะร้ายกาจขนาดนี้ ‘ให้ตายเถอะ!’ ‘สารเลวตัวไหนมันเอาเรื่องสมบัติสถานระดับสวรรค์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ออกมาโพทนากัน มันดันไม่กล่าวบอกให้ละเอียดว่าต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียนคนนี้ ฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!’ ‘สารเลว! ระยำเอ๊ย!!’ จางอวิ๋นเฟยรู้ตัวดีว่าไม่อาจตอแยต้วนหลิงเทียนได้สืบไป หากจะถามว่าถ้าตอนแรกจางยี่กล่าวเรื่องนี้ออกมามันจะเชื่อหรือไม่ แน่นอนว่ามันตอบได้เต็มปาก…ว่าไม่เชื่อ! แต่ตอนนี้มันไม่อาจไม่เชื่อ! “ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงรู้ตำแหน่งที่นี่ได้…แถมยังรู้ทันทีที่ข้าหยิบกระบี่เซียนอมตะออกมาอีกว่าข้าคือต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียน แม้แต่ชื่อข้าเจ้าก็พูดออกมาไม่ผิดแม้ครึ่งคำ เจ้าไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?” สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววแหลมคม มองจี้ถามจางอวิ๋นเฟยเสียงขรึม ถึงแม้ในใจเขาจะพอเดาได้บ้างแล้ว หากแต่ยังต้องการฟังคำยืนยันจากปากกจางอวิ๋นเฟย ก่อนหน้านี้ตอนที่ต้วนหลิงเทียนถาม จางอวิ๋นเฟยกลับเพิกเฉยทำเป็นไม่สนใจ ตอนนี้พอมาได้ยินต้วนหลิงเทียนถามออกอีกครั้ง และได้เห็นพลังอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียนมากับตา จางอวิ๋นเฟยย่อมไม่กล้าละเลยเร่งกล่าวตอบออกมาทันที “ข้าไปได้ยินข่าวลือมา ว่าสถานที่แห่งนี้มีสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่ต้าหลัวจินเซียนทิ้งไว้…แถมต้าหลัวจินเซียนคนนั้นยังเป็นเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋จากระนาบเหยียนหวงของพวกเรา…” “ในข่าวลือดังกล่าวยังบอกไว้อีกด้วยว่าตอนนี้ในสมบัติสถานสมควรมีคนกำลังฝ่าด่านอยู่ 3 คน และมียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครองทุกคน…ในบรรดา 3 คนที่ว่าก็มีจางยี่จากระนาบเหยียนหวง ต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียน และหานเฉวี่ยไน่จากระนาบเซียน…” จางอวิ๋นเฟยย่อมไม่กล้าปกปิดอะไร เพียงกล่าวบอกออกมาตามตรง “ต้องเป็นฝีมือหลิ่วเสวียแน่! นังผีบ้านั่นช่างกล้านัก!!” แทบจะทันทีที่จางอวิ๋นเฟยกล่าวจบคำ หานเฉวี่ยไน่ก็โพล่งด่าออกมาอย่างหัวเสีย ใบหน้ายังถมึงทึงปั้นยาก“นอกจากนังบ้านั่นแล้ว ไม่มีทางที่จะมีใครที่ไหนรู้ชื่อข้ากับพี่ใหญ่หลิงเทียนได้อีก!” “หลิ่วเสวีย!” สองตาจางยี่ก็เผยประกายเยียบเย็น เจตนาฆ่าฟันยังเริ่มเอ่อล้นออกมา! ถึงแม้มันจะแลดูอารมณ์ดีมาตลอด แต่พอได้รู้เรื่องที่หลิ่วเสวียทรยศหลังออกจากสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดโทสะออกมา ยังอยากฆ่าหลิ่วเสวียให้ตายคามือ! “เป็นนางจริงๆ…” ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันข้อสันนิษฐานในใจได้ชัดเจน หากแต่สีหน้าท่าทียังแลดูสงบใจเย็น คล้ายไม่มีน้ำโหอะไรกับเหตุการณ์คราวนี้เลย แต่มันจะเป็นแบบนั้นแน่เหรอ? “ใจกระบี่เหิน” ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน กระบี่เซียนอมตะที่ไม่ทราบวกกลับมาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ เหินบินออกไปอีกครั้ง! คราวนี้ไม่เพียงแต่ตัวกระบี่จะมีพลังไม่น้อยกว่าที่ใช้ออกเมื่อครู่ ยังเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารอำมหิต! “ไม่..!!” จางอวิ๋นเฟยย่อมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือเข่นฆ่าออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้ สีหน้ามันเปลี่ยนไปทันใด ยังรีบปะทุพลังชั่วชีวิตถ่ายทอดลงสู่กระบี่เซียนอมตะในมือหมายยกขึ้นมาป้องกันการลงมือสังหารในฉับพลันของต้วนหลิงเทียน อนิจจามันตอบสนองเรื่องราวช้าเกินไป… สึบบ!! เสียงชำแรกกระดูกเลือดเนื้อดังขึ้นแผ่วเบา หว่างคิ้วจางอวิ๋นเฟยพลันปรากฏหลุมโลหิตหนึ่งขึ้น เลือดแดงฉานยังพุ่งทะลักออกมาปานน้ำพุ… และถึงแม้ปฏิกิริยาตอบสนองของจางอวิ๋นเฟยจะเร็วกว่านี้ แต่หากต้วนหลิงเทียนอยากมันให้ตาย…มันก็ไม่อาจอยู่เห็นวันพรุ่ง! เพราะถึงมันจะมีกระบี่เซียนอมตะในมือ แต่พลังของมันก็ยังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เท่านั้น ทว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนยามลงมือสังหาร กลับเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์! กระทั่งหากต้วนหลิงเทียนเลือกใช้ขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่ใจกระจ่างออกด้วยกระบวนท่า กายกระบี่รวมหนึ่ง พลังอานุภาพย่อมเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์! เช่นนั้นจางอวิ๋นเฟยจึงต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม วูบ แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าจางอวิ๋นเฟยตายตก จางยี่อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี เพราะมันไม่คิดเลยจริงๆว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะลงมือฆ่าจางอวิ๋นเฟยทิ้งไปแบบนี้ “ทำไมหรือ?” ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นสีหน้าของจางยี่ที่เปลี่ยนไปได้ทันที เขาจึงหันไปมองอีกฝ่ายถามออกด้วยสีหน้าสงสัย ด้วยไม่ทราบว่าทำไมจางยี่ถึงทำหน้าแบบนั้น หรือจางยี่ไม่อยากให้จางอวิ๋นเฟยตกตาย? “เปล่า…ไม่มีอะไรหรอก” ถึงจากยี่จะส่ายหัวไปมาพรอมกล่าวปฏิเสธ หากแต่ในแวตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัวและความกังวลออกมาให้เห็น “หือ?” เห็นสีหน้าจางยี่เป็นแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนได้แต่ขมวดคิ้วเพราะจางยี่ไม่ยอมพูด “ก็ไม่อะไรหรอก…” พอเห็นต้วนหลิงเทียนสงสัยและอยากรู้ให้ได้ จางยี่ก็ได้แต่ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้านึกขึ้นได้ว่าเจ้าฆ่าจางอวิ๋นเฟยไปแบบนี้ ผู้อาวุโสของมันต้องได้เห็นภาพสังหารของเจ้าแน่…แต่อย่างไรเสียหากเหล่าอาวุโสหาเจ้าไม่พบ ก็คงทำอะไรเจ้าไม่ได้อยู่ดี…” “ยันต์กระจกสะท้อนลักษณ์แม่ลูก?” ต้วนหลิงเทียนนึกถึงยันต์กระจกสะท้อนลักษณ์แม่ลูกที่มีในระนาบเซียนขึ้นมาทันที หากผู้ที่มียันต์ลูกพกติดตัวถูกฆ่า ฉากการสังหารจะถูกส่งกลับไปยังผู้ถือครองยันต์แม่ “แต่ไม่ใช่ว่าตอนที่มันตาย ในร่างก็ไม่มีความผันผวนของพลังอาคมเลยไม่ใช่รึไง?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ ถึงแม้เสียงของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไร แต่จางยี่ที่อยู่ข้างๆย่อมได้ยินชัดเจน “ถึงในระนาบเหยียนหวงของข้าจะไม่ได้เรียกสิ่งที่เจ้านึกถึงว่ายันต์กระจกสะท้อนลักษณ์แม่ลูก…แต่สำหรับผู้ฝึกเต๋าในระนาบเหยียนหวงยันต์ที่เจ้าว่านับเป็นยันต์เต๋าระดับต่ำ…” “ในระนาบเหยียนหวงของเรามียันต์เต๋าที่ดีกว่านั้น กระทั่งยังมีวีสลักอาคมเต๋าลงบนร่างกายไม่ต่างใดจากรอยสัก…เมื่อคนๆนั้นตกตาย ภาพเรื่องราวจะถูกส่งไปยังคนอื่นทันที…” จางยี่กล่าว “แม้ลักษณะการทำงานจะเหมือนๆกัน หากแต่มันจะไม่มีร่องรอยใดๆ” “เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก…แดนลับต่างสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลนัก พวกมันคิดหาเจ้าก็หาไม่พบหรอก…” จางยี่กล่าวเสริม “เรื่องหาข้าอาจเป็นไปไม่ได้…แล้วเจ้าเล่า? ตอนที่มันตายไม่พ้นฉากสุดท้ายของมันต้องมีเจ้าติดไปด้วยแน่ อาวุโสของมันที่ถือครองยันต์แม่ก็ไม่พ้นต้องเห็นเจ้าอยู่ด้วย…” สองตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงกล่าวต่อว่า “และข้าเกรงว่าอาวุโสของมันต้องจำเจ้าได้แน่นอน…” มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเลยได้รู้ ว่าไฉนจางยี่ถึงทำหน้าแบบนั้นตอนเห็นจางอวิ๋นเฟยถูกเขาฆ่า… “ไม่เป็นไรหรอก” จางยี่หัวเราะให้ตัวเองเบาๆ “หลังออกจากแดนลับต่างสวรรค์ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องกลับไปยังสำนักเทียนซือเสียหน่อย…โลกกว้างใหญ่ไพศาลหรือจะไม่มีที่ให้ข้าจางยี่คนนี้เชียว?” “แล้วถ้าหากเจ้ามีคุณค่ามากกว่าจางอวิ๋นเฟยเล่า…เช่นนั้นอาวุโสของสำนักเทียนซือ แม้จะรู้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของจางอวิ๋นเฟย แต่ก็คงไม่ว่าอะไรเจ้าใช่หรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยประกายตาเรืองวูบ “เรื่องนั้นก็เป็นธรรมดา” จางยี่พยักหน้า “นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไฉนจางอวิ๋นเฟยมันถึงคิดฆ่าข้าก่อนหน้านี้…” “ฐานะของข้าในสำนักเทียนซือนั้นต้อยต่ำกว่ามันมาก แต่อย่างไรข้าก็นับเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนหนึ่ง…บนร่างข้าก็มีอาคมเต๋าสลักไว้เช่นกัน หากข้าตกตายไปภาพเรื่องราวตอนที่ข้าถูกฆ่าก็จะถูกส่งไปให้เหล่าอาวุโสที่สำนักเทียนซือ” “อย่างไรก็ตามหากเป็นจางอวิ๋นเฟยที่ลงมือฆ่าข้า…ถึงสำนักเทียนซือจะลงโทษมัน แต่ก็คงลงโทษพอเป็นพิธีเท่านั้น” “เพราะอย่างไรเสียคุณค่าของตัวข้าก็น้อยกว่าจางอวิ๋นเฟยมาก ข้าตกตายไปสักคนก็ไม่นับว่าเป็นความสูญเสียอะไร…”
คอมเม้นต์