War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2364

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2364 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,364 : เว้นเสียแต่…ข้าตาย!!
 
ในขณะที่คนลัทธิบูชาไฟตื่นตระหนกจนอกสั่นขวัญแขวนด้วยความหวาดกลัวที่เกาะกุมจิตใจ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้งทำให้ใจที่ปั่นป่วนของคนลัทธิบูชาไฟเริ่มสงบลง
 
“หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าท่านจ้าวลัทธิไปแล้ว ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ก็มากไหวพริบ เลือกที่จะแต่งตั้งก่านหรูเยี่ยนให้เป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่!”
 
“ก็อย่างที่พวกเราทราบกันดี ก่านหรูเยี่ยนนั้นไม่เพียงแต่เป็นศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟเรา แต่ยังเป็นพี่สาวฝาแฝดของธิดาเทพผู้เป็นภรรยาต้วนหลิงเทียน…ในเมื่อนางกลายเป็นจ้าวลัทธิคนใหม่ของพวกเรา เช่นนั้นด้วยเห็นแก่ความสัมพันธ์นี้ ต้วนหลิงเทียนจึงมิคิดทำลายลัทิบูชาไฟของพวกเราสืบไป”
 
“นอกจากนี้ท่านจ้าวลัทธิคนใหม่ของพวกเรา ก็ประกาศคำสั่งออกมา…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลัทธิบูชาไฟของพวกเรา จะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีกต่อไป! อีกทั้งให้ลัทธิบูชาไฟสลายความแค้นทั้งมวลกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้! ซึ่งเรื่องนี้จะกลายเป็นกฏอีกข้อสำหรับลัทธิบูชาไฟของพวกเราจากนี้เป็นต้นไป!!”
 
เสียงปรากาศด้านบนอยู่ๆก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลัทธิบูชาไฟ ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายโล่งใจกันไปยกใหญ่
 
“ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ลงมือได้ฉลาดยิ่ง!”
 
“ท่านจ้าวลัทธิปรีชาสามารถ!!”
 
……
 
เสียงกล่าวยกย่องทำนองเดียวกันเริ่มดังไปทั่วลัทธิบูชาไฟ
 
ทุกคนเลื่อมไสในความหัวไวของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 นัก!เพราะการแต่งตั้งก่านหรูเยี่ยนเป็นจ้าวลัทธิคนใหม่ เรียกว่าฉุดดึงลัทธิบูชาไฟให้พ้นจากกหุบเหวแห่งความตายอย่างแยบคาย!
 
หาไม่แล้วเกิดต้วนหลิงเทียนคิดจะลงมือทำลายลัทธิบูชาไฟขึ้นมา พวกมันได้เป็นผีตามถังซวนแน่!
 
การยกก่านหรูเยี่ยนขึ้นมานั่งแท่นจ้าวลัทธิบูชาไฟในสถานการณ์นี้นับเป็นการลงมือที่ดีที่สุด! เพราะนี่จะทำให้สลายทั้งคลี่คลายความขัดแย้งระหว่าง 7ทวาราเที่ยงแท้กับลัทธิบูชาไฟได้โดยตรง!!
 
กล่าวได้ว่า
 
ขอเพียงจ้าวลัทธิคนใหม่อย่างก่านหรูเยี่ยนยังอยู่ ลัทธิบูชาไฟก็ไม่ต้องกลัวการคุกคามจาก 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่นำโดยต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
 
“ท่านจ้าวลัทธิจงเจริญ!!”
 
“พวกเราสาบานจะภักดีต่อท่านจ้าววลัทธิคนใหม่!!”
 
……
 
เสียงกู่ร้องป่าวประกาศจากใจ เริ่มดังลั่นไปทุกทั่วหัวระแหงของลัทธิบูชาไฟ
 
เรื่องนี้เป็นต้วนหลิงเทียนจงใจจัดการด้วยตัวเอง…
 
เพราะอย่างไรสุดท้ายลัทธิบูชาไฟก็เกี่ยวพันกับเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าอย่างยากจะแยก
 
เช่นนั้นแล้วเขาย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องที่ก่านหรูเยี่ยนขึ้นเป็นจ้าวลัทธิเพราะคำสั่งเขาแพร่งพรายออกไปแน่นอน แต่ให้ประกาศออกไปในนามการกระทำของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 แทน!
 
ด้วยเดินหมากตานี้ ไม่เพียงแต่คนของลัทธิบูชาไฟจะไม่บังเกิดความรู้สึกต่อต้านก่านหรูเยี่ยน แต่ยังส่งเสริมและสนับสนุนนางจากใจ!
 
กระทั่งตัวถังซวนในอดีต ยังไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งลัทธิขนาดนี้!
 
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนไม่เพียงแต่มีความสามารถในด้านการต่อสู้บ่มเพาะ หากแต่การตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังล้ำกว่าพวกเราไปพันลี้…ในห้วงเวลาแค่สั้นๆไม่เพียงหาทางออกที่ดีที่สุดจนส่งผลให้ฐานะของพวกเราทั้ง 4 สูงขึ้น กระทั่งยังทำให้ทุกคนยอมรับจ้าวลัทธิคนใหม่ได้ทันที!”
 
ในขณะที่ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟกำลังหารือกันอยู่ สื่อเฟิงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
 
“นั่นสิ กระทั่งตอนที่จ้าวลัทธิถังซวนยังอยู่ ยังไม่เคยได้รับแรงหนุนจากผู้คนขนาดนี้…”
 
ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย
 
“ข้ายังคงกังวลไม่น้อย ด้วยก่านหรูเยี่ยนอายุยังน้อยทั้งพลังฝึกปรือมิถึงขั้นจะไปทำให้ผู้คนยอมรับได้อย่างไร…แต่ไม่คิดเลยอาศัยแค่วาจาไม่กี่คำของผู้พิทักษ์หลิงเทียน ก็ทำให้ผู้คนยอมรับนางหมดใจ…”
 
ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นมันก็หันไปมองชิงหั่วด้วยสายตาซับซ้อน “ผู้พิทักษ์ชิงหั่วคราวนี้ท่านนับว่าได้รับศิษย์อันประเสริฐมาแล้วจริงๆ…นับจากนี้ท่านมิใช่แค่ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟเราเท่านั้น ยังเป็นอาจารย์ของท่านจ้าวลัทธิอีกด้วย”
 
“ข้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งเยี่ยนเอ๋อจักได้รับวาสนาเช่นนี้…”
 
ผู้พิทักษ์ชิงหั่วส่ายหัวไปมา หากแต่ลึกลงไปในแววตายังเผยความปลอดโปร่งใจไม่น้อย
 
ชีวิตนี้ของมันมีศิษย์ประเสริฐแบบนี้ มันก็ไม่ต้องการใดอื่นแล้ว
 
และเหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟ ยามเรียกหาต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ยังคงติดคำผู้พิทักษ์หลิงเทียนไม่เปลี่ยน คล้ายจะลืมไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนได้ออกจากลัทธิบูชาไฟ และไม่ได้มีฐานะอะไรในลัทธิบูชาไฟสืบไป
 
“อย่างไรก็ตาม…การออกแถลงการณ์ครานี้ของพวกเรา ไม่พ้นต้องสร้างความขุ่นใจให้ลัทธิชะตาฟ้ากับลัทธิอารามทมิฬแน่”
 
ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นที่คิดถึงเรื่องนี้ได้แต่ชักหน้านิ่วคิ้วขมวดกล่าวออกเสียงหนัก “อย่างไรเสีย ตั้งแต่ในอดีตลัทธิบูชาไฟเรา กับลัทธิชะตาฟ้าและลัทธิอารามทมิฬก็ร่วมมือกันต่อต้าน 7 ทวาราเที่ยงแท้มาโดยตลอด…แต่คราวนี้ลัทธิบูชาไฟเราละวางความแค้น ไม่คิดเป็นศัตรูกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีกต่อไปข้าเกรงว่าพวกมันทั้ง 2 ลัทธิคงไม่นิ่งเฉยแน่! เผลอๆตอนนี้ไม่พ้นเห็นพวกเราลัทธิบูชาไฟเป็นทหารหนีทัพไปแล้ว!”
 
“เฮ่อ…เรื่องนี้ก็ท่าจะมีปัญหาไม่น้อย”
 
ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงถอนหายใจ พลางพยักหน้าเห็นด้วย
 
“หึ!”
 
ทว่าเหลิ่งอิงพลันสบถเสียงเย็นกล่าวออก “ถึงพวกมัน 2 ลัทธิไม่พอใจแล้วจะอย่างไร? การตัดสินใจของพวกเราลัทธิบูชาไฟใช่ธุระกงการอะไรให้พวกมันสอดมือได้รึ?”
 
“ถอยหลังหมื่นก้าว…ต่อให้พวกมันจะวิ่งโร่มาหาความกับพวกเราจริงๆ หรือพวกเรายังต้องกลัวพวกมันด้วย?”
 
พอนึกถึงจ้าวลัทธิคนใหม่ ที่มีข้ารับใช้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอยู่ข้างกาย กระทั่งเบื้องหลังก่านหรูเยี่ยนก็คือต้วนหลิงเทียนผู้บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ที่ร้ายที่สุดก็คือข้ารับใช้ต้วนหลิงเทียนที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์อย่างเฉินอี้หรูนั่น!
 
ในสายตาเหลิ่งอิง
 
ให้ลัทธิบูชาไฟของพวกมันผูกมิตรกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ยังดีกว่าไปสุงสิงกับพวก 2 ลัทธิเหลวไหลนั่นหลายเท่า!
 
อย่างน้อยๆในตอนนี้
 
หากให้มันเลือกว่าจะบุกจู่โจมขุมพลังใดระหว่าง 7ทวาราเที่ยงแท้กับอีก 2 ลัทธิล่ะก็ มันคงชักดาบพุ่งไปลุย 2 ลัทธิทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย…
 
7 ทวาราเที่ยงแท้ตอนนี้ ทรงพลังเกินไป!
 
ถึงแม้ว่าในอดีตลัทธิบูชาไฟกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้จะมีเรื่องราวความแค้นความบาดหมางไม่น้อย แต่ในใต้หล้าคำว่า ‘เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง’ นับเป็นอมตะวาจาโดยแท้…
 
เพราะไม่ว่าในอดีตจะเคียดแค้นเกลียดชังกันเพียงใด แต่ในสายตาของเหลิ่งอิงเมื่อเวลาผ่านไปหลายพันปีแบบนี้ อย่างน้อยๆก็มีมันคนนึงที่ไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นอะไร 7 ทวาราเที่ยงแท้แม้แต่น้อย…
 
“พวกเราลัทธิบูชาไฟย่อมไม่ต้องกลัวพวกมัน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยังมีต้วนหลิงเทียนกับอาวุโสเฉินอี้หรู ลำพังแค่กำลังของลัทธิบูชาไฟเราตอนนี้ ก็มิได้หวั่นกลัวพวกมันทั้ง 2 ลัทธิอีกต่อไป!”
 
ผู้พิทักษ์ชิงหั่วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นับประสาอะไรกับเซียนอมตะเสเพล เจ้าพวก 2 ลัทธินั่นพวกมันไม่มีแม้กระทั่งครึ่งก้าวเซียนอมตะด้วยซ้ำ…หากพวกมันกล้าลงมือจนทำให้ต้วนหลิงเทียนมีน้ำโหก็เท่ากับรนหาที่ตาย!”
 
ใน 3 ลัทธิใหญ่ทั้ง 3 ไร้เซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่ ไม่ใช่ความลับอะไรของพวกมัน
 
“กล่าวไปเรื่องนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง…ในแดนดินสมควรปรากฏเซียนอมตะเสเพลไม่น้อย แต่ไฉนลัทธิบูชาไฟของเราที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ทำไมกลับมิมีเซียนอมตะเสเพลเลยสักคน?”
 
เรื่องนี้ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
 
“ในอดีตข้าเองก็รู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้…บรรพชนของลัทธิบูชาไฟเราไม่ทราบมีกี่คนที่ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา ที่ข้ามผ่านสำเร็จก็แล้วไปเพราะล้วนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกกันหมด หากแต่เหล่าผู้ที่ล้มเหลวกลับมิมีผู้ใดกลายเป็นเซียนอมตะเสเพลเลย…เพราะยามที่ล้มเหลวร่างทั้งวิญญาณก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วหายไปกับสายลม…”
 
ผู้พิทักษ์ชิงหั่วเองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิดแปลก
 
“เป็นไปได้หรือไม่…ว่ามีคำสาปอันใดที่สาปแช่งคนของลัทธิบูชาไฟของพวกเรารวมถึงอีก 2 ลัทธิอยู่ ว่าหากล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ก็ถูกลิขิตให้ตกตาย ไร้ความหวังได้รับโอกาสที่ 2 อย่างกลายเป็นเซียนอมตะเสเพล?”
 
“คำถามนี้เป็นความลับดำมืดที่พวกเรามิอาจหาคำตอบได้มาตลอดเวลา มิว่ารุ่นไหนๆก็มิอาจทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้เลย อีก 2 ลัทธิเองก็เช่นกันพวกมันล้วนพบเจอเหตุการณ์ประหลาดดั่ง ‘คำสาป’ นี้ทั้งสิ้น”
 
……
 
ฟังจากบทสนทนาของเหล่าผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟทั้ง 4แล้ว…
 
พวกมันไม่ได้รู้เลยว่ายามใดที่คนของ 3 ลัทธิใหญ่อย่างพวกมันมีผู้ใดชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ปรากฏ ย่อมมิเคยรอดพ้นหูตาเผ่ามังกรและหงส์ฟ้าเลยสักครั้ง และทุกคราที่เกิดการข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์ จะมีเซียนอมตะเสเพลเฝ้าจับตาดูกระบวนการตลอดเวลา เมื่อคนของเหล่า 3 ลัทธิล้มเหลวจนบังเกิดเซียนอมตะเสเพลขึ้นมา…
 
เซียนอมตะเสเพลจากเผ่ามังกรและหงส์ฟ้าเหล่านั้น จะทำการจับตัวคนไปทันที!
 
นี่เพราะ 2 อำนาจเบื้องหลังนั้นเกรงว่าการดำรงอยู่ของเซียนอมตะเสเพลเพียงแค่คนหรือสองคนใน 3ลัทธิใหญ่ อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องราวบานปลายถึงขั้นกลายเป็นหลุดพ้นจากการควบคุมของพวกมันได้…
 
เผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้ากุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาตั้งแต่ครั้งอดีต ทำให้พวกมันคุ้นชินกับความยิ่งใหญ่และไม่มีใครกล้าแข็งข้อ เช่นนั้นพวกมันย่อมไม่คิดปล่อยให้มีโอกาสอุบัติขุมพลังที่ 3 ที่จะยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับพวกมันถือกำเนิดขึ้น!
 
สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกมันไม่เต็มใจจะยอมรับ! ไม่ยอมรับให้มีขุมพลังหน้าไหนมีโอกาสผงาดขึ้นมาเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกมัน กระทั่งมีโอกาสเหนือกว่าพวกมัน!
 
ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ เหนือขึ้นไปจากเกาะศักดิ์สิทธิ์
 
เมื่อโผล่พ้นม่านเมฆบนฟ้าสูงจะพบเกาะลอยเรียงรายเป็นชั้น และสูงสุดฟ้าก็เป็นเกาะลอยหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสง่า
 
“ด้วยวิธีนี้ตำแหน่งจ้าวลัทธิของเจ้าก็ถือว่ามั่นคงไม่สั่นคลอนแล้ว…ยินดีด้วย”
 
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับก่านหรูเยี่ยนที่พึ่งกลับมาด้วยรอยยิ้ม
 
“ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ”
 
ก่านหรูเยี่ยนกล่าวขอบคุณออกมาจากใจ
 
นางย่อมรู้ดีแก่ใจ
 
ไม่ว่าจะเรื่องที่นางกลายเป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่ หรือใช้เวลาเพียงไม่ถึงวันก็ทำให้คนทั้งลัทธิบูชาไฟสนับสนุนจากใจนั้น ทั้งหมดเกิดขึ้นจากชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าทั้งสิ้น
 
“เจ้าเป็นพี่สาวของเค่อเอ๋อ ก็เหมือนเป็นญาติผู้พี่ข้าคนหนึ่ง…เช่นนั้นระหว่างเรายังต้องขอบคุณอะไร”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว
 
‘ญาติผู้พี่…ข้าเป็นได้แค่พี่สาวในสายตาเจ้ารึ’
 
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน สองตาก่านหรูหรี่ลงเล็กน้อย ยังฉายถึงความผิดหวังออกมาอยู่บ้าง
 
แต่แน่นอนว่าวาจาใดในใจล้วนไม่อาจกล่าวออก
 
ถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่สุดท้ายนางก็ต้องยอมรับ…
 
ว่าหลังจากใช้เวลาอยู่ร่วมกับชายเบื้องหน้าระยะหนึ่งในภูมิภาคเบื้องล่าง นางก็เผลอตกหลุมรักชายตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว…
 
บุรุษผู้นี้ไม่เพียงหล่อเหลา พลังฝีมือกล้าแข็ง ยังมีด้านอ่อนโยน และความเอาใจใส่
 
ถึงแม้ว่าข้อดีหลังๆอีกฝ่ายจะมีให้กับน้องสาวฝาแฝดของนางเท่านั้น แต่ก็ทำให้นางรู้สึกเสมือนต้องมนตร์อย่างไม่อาจห้าม ยิ่งมาความรู้สึกดังกล่าวยิ่งชัดเจนขึ้น
 
สุดท้ายตอนนี้นางก็ยากที่จะสลัดความรู้สึกนั้นออกไปจากใจได้
 
แต่นางก็รู้ดีแก่ใจเช่นกัน
 
ความในใจของนางได้แต่ถูกกลบฝังเอาไว้ให้มิดชิด ไม่อาจปล่อยให้หลุดรอดออกมาเด็ดขาด หาไม่แล้วคงจบไม่สวยแน่!
 
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับจิตใจ ก่านหรูเยี่ยนก็ละสายตาจากต้วนหลิงเทียนและหันไปมอง 2 ร่างที่กำลังเคลื่อนไหววุ่นวายในลาน
 
เป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง เค่อเอ๋อ กำลังสอนหลานสาวนาง ต้วนซือหลิง ให้ฝึกกระบี่
 
“ว่าแต่เจ้าจะทำอย่างไร หากเค่อเอ๋อเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดจริง และชายที่ไล่ตามเค่อเอ๋อนั้นมันทรงพลังเหมือนกับที่ถังซวนบอก…พลังของมันไม่ใช่ระดับพลังในระนาบโลกียะอีกต่อไป เผลอๆกระทั่งในระนาบเทวโลกยังเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง…”
 
ก่านหรูเยี่ยนกล่าวถามต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก
 
“ลงมือส่งๆ ฉีกเปิดความว่างเปล่ายาวนับพันหมี่…”
 
จนถึงตอนนี้คำพูดของถังซวนยังวนเวียนอยู่ในใจก่านหรูเยี่ยนไม่หาย
 
“ไม่ว่าชาติที่แล้วเค่อเอ๋อจะเป็นใครก็ช่าง แต่ชาตินี้ของนางคือภรรยาข้า ต้วนหลิงเทียน! ไม่มีใครหน้าไหนพรากนางไปจากข้าได้!!”
 
“เว้นแต่…ข้าตาย!!”
 
ได้ยินคำถามของก่านหรูเยี่ยน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองเงาร่างบางที่พุ่งไปพุ่งมาพร้อมร่ายรำกระบี่ไม่ไกล แววตายังเปลี่ยนเป็นแหลมคมปานมีดดาบ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด